สวัสดีค่าา
เมื่อนานมาแล้ว ออนเคยทำ Beauty Bible รวมศัพท์เกี่ยวกับเครื่องสำอาง
และแฟชั่นที่หลายคนมักใช้กันผิดๆหรือเข้าใจกันผิดๆไว้ ซึ่ง Content นั้นอยู่ใน Blog เก่า
และเมื่อย้ายมาเขียนที่นี่ Content ก็หายไป เลยจะนำมาแปะเก็บไว้ เพื่อเป็นประโยชน์
หรือแนวทางสำหรับทุกคนค่ะ
1. ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่อินเทรนด์สุดๆ แฟชั่นสุดยอดดดดด
คนไทยหลายๆคนมักจะพูดว่า in trend หรือ fashion กัน
ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าไปพูดว่า She is very in trend หรือถ้าจะพูดว่า ฉันชอบแฟชั่นของคนนั้นจัง
เช่น I love her fashion .. ฝรั่งงงแน่ๆค่ะ ..
เราสามารถพูดได้โดย
เปลี่ยนจากคำว่า in trend เป็น fashionable ที่มีความหมายว่าสมัยนิยม,ทันสมัยนั่นเอง
ตัวอย่าง
1. She is very fashionable.
2. She is a fashionable person.
หรือจะยังใช้คำว่า in trend ก็ได้ แต่เปลี่ยนเป็นคำว่า trendy แทนค่ะ
1. She is very trendy.
2. She is a trendy girl/woman.
หรือถ้าจะพูดว่าเราชอบแฟชั่นการแต่งตัวของเขา ก็สามารถพูดได้เป็น
1. I love her style
2. I love the way they dress up
ส่วน In trend / Out trend นั้น เป็นการพูดเกี่ยวกับช่วงระยะเวลาของสิ่งๆนึง
ที่เข้ามาและกำลังเป็นที่นิยม หรือช่วงเวลาที่สิ่งนึงกำลังตกสมัย ล้าสมัยออกไปเช่น
1. Tamagotchi is now out of trend
——————————————————-
2. เสื้อผ้าฟิตเกินไป/ เสื้อตัวนี้ใส่พอดีเลย
หลายๆคน หรือแม้กระทั่งออน สมัยที่ไปอยู่ออสใหม่ๆ ก็มักจะพูดผิดค่ะ
เช่นไปลองเสื้อผ้าแล้ว แต่เสื้อผ้าตัวเล็กเกินไป .. คนไทยมักจะติดคำว่า “ฟิต”
เช่น This shirt is too fit ซึ่งฝรั่งจะงง เพราะคำว่า fit สำหรับฝรั่งนั้นแปลว่า ” พอดี ” ค่ะ
ดังนั้นถ้าต้องการจะพูดว่า .. เสื้อตัวนี้พอดีกับตัวฉัน ..
เราก็พูดได้ว่า ..
1. This shirt fits perfectly on me.
2. This is the perfect fit.
หรือถ้าจะพูดว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับฉัน หรือคิดว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับฉัน เราก็พูดได้ว่า
1. This shirt suits me.
2. I think, it suits me so much.
หรือถ้าจะพูดว่าเสื้อตัวนี้เล็กไป ใหญ่ไป เราก็พูดง่ายๆเลยค่ะ
1. I think it’s a little too small
2. This is a little too big for me.
——————————————————-
3. ฉันชอบแต่งหน้า / ฉันชอบการแต่งหน้าของผู้หญิงคนนั้น
สาวๆบางคนอยากจะพูดว่า ” ฉันแต่งหน้า หรือ ฉันชอบแต่งหน้า ”
แต่บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะพูดยังไง .. ซึ่งฝรั่งใช้คำว่า ” wear ” แทนคำว่า ” แต่ง ” ค่ะ
1. I wear makeup to work everyday.
2. I love wearing makeup.
หรือในบางกรณี ก็สามารถใช้คำว่า “put on” แทนคำว่า “แต่ง” ได้เช่นกันค่ะ
เพราะแปลง่ายๆก็คือ “ใส่/เพิ่มเติม” นั่นเอง
3. Let me put some makeup on
4. I have to put some makeup on before leaving to the party.
หรือถ้าจะพูดว่า ฉันชอบการแต่งหน้าของผู้หญิงคนนั้น ก็ง่ายมากค่ะ
1. I love her makeup.
2. I love your makeup so much!.
สั้นๆแต่ได้ใจความค่ะ
——————————————————-
4. เบส/รองพื้น
คนไทยจะนิยมและติดปากกับคำว่า เบสๆ เวลาไปซื้อเบส หรือสั่งเบส
แต่ถ้าจะไปเมืองนอกไปพูดคำว่า เบส อย่างเดียว คนขายอาจจะงงค่ะ เพราะเหมือนกับว่า
เบส แปลว่าพื้นหรือฐาน อะไรประมาณนั้น ดังนั้นเราควรเรียกชื่อเต็มๆค่ะ
เช่น
1. ฉันกำลังมองหาเมคอัพเบส = I’m looking for a make-up base.
2. ฉันอยากได้เมคอัพเบส = I would like to buy a make-up base.
แน่นอนค่ะว่าเฉดสีก็จะมีแตกต่างกันออกไปบ้าง
สำหรับคำพื้นฐานก็คือ
fair/ivory = ขาวมากๆ ( ขาวผิวฝรั่ง )
light = ขาว ( ขาวอาหมวยจีน ขาวอมชมพู
medium = ผิวกลางๆ ขาว-เหลือง ( ผิวคนเอเซีย )
dark = ผิวสีน้ำผึ้ง ผิวแทน
นอกจากนี้ยังมีการใช้ศัพท์ต่างๆแทนการเรียกชื่อสีผิว เช่น
Nude, Sand, Honey หรืออย่าง Orchre เป็นต้น
ซึ่งถ้าพูดก็เทียบยากมาก เพราะชาร์จสีแต่ละแบรนด์ก็ต่างกันออกไป
ความอ่อน-เข้มก็ไม่เหมือนกัน
——————————————————-
5. ผิวแบบไหน, ความต้องการทั่วไป ฯลฯ
ก่อนอื่น ..เวลาเราจะซื้ออะไร
พนักงานขายก็มักจะถามข้อมูลของสินค้าที่เราต้องการหา หรือผิวของเรา
เพื่อที่จะได้เลือกสินค้าให้เหมาะกับเราให้มากที่สุด ในกรณีที่เราไม่รู้เกี่ยวกับสินค้านั้นๆ
เช่น
1. คุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประเภทไหน = What kind of products are you looking for?
(หรืออาจจะใช้คำว่า What type of products are you looking for?)
2.ผิวของคุณเป็นแบบไหน = What is your skin type?
(หรือถ้าสุภาพๆ ก็อาจจะถามว่า May I know what type of your skin?)
3. คุณกำลังสนใจผลิตภัณฑ์ไหนเป็นพิเศษรึเปล่า = Is there any particular product that you are looking for?
ในส่วนของสภาพผิว ก็จะแบ่งได้หลักๆ 4 อย่าง
ผิวมัน/ผิวผสม/ผิวแห้ง/ผิวบอบบาง ( ไล่ตามลำดับ )
Oily skin, Combination skin ( combination มาจากคำว่า combine ที่แปลว่าผสมกัน รวมกันนั่นเอง )
Dry skin, Sensitive skin
ตามลำดับนี้เลยค่ะ .. ซึ่งเราควรจะต้องรู้ก่อนว่าผิวของเราเป็นผิวแบบไหนนะคะ
จะช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องสำอาง หรือการใช้สกินแคร์ต่างๆ ง่ายขึ้น และเห็นผลกับเรามากที่สุดค่ะ
6. การเลือกซื้อสินค้าให้เหมาะกับผิว
ผิวมัน ( Oily skin )
ถ้าต้องการหาแป้งควบคุมความมัน
เราสามารถใช้คำศัพท์ง่ายๆเช่น oil control powder ก็ได้ แต่คนส่วนมากจะไม่ค่อยใช้กัน
ดังนั้นศัพท์ที่ดูวุ่นวายหน่อย แต่ใช้ได้ผลก็จะเป็นคำว่า matte หรือ mattifying powder นั่นเอง
เช่น ..
1.I’m looking for a mattifying foundation. – ฉันกำลังมองหารองพื้นที่ควบคุมความมัน
2.I would like to buy this matte powder. – ฉันอยากซื้อแป้งที่ควบคุมความมัน
3. Is there any product for oily skin? – มีผลิตภัณฑ์อะไรไหนสำหรับผิวมันบ้าง?
ส่วนถ้าผิวผสม .. อาจจะยังไม่มีคำที่เฉพาะเจาะจง หรือออนไม่รู้ ก็ไม่แน่ใจ
ส่วนมากออนผิวผสม เวลาออนหาอะไรออนก็จะบอกเค้าไปเลยว่า ..
ฉันผิวผสม ฉันต้องการหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางค์สำหรับผิวผสม เช่น
1. I have a combination skin. – ฉันมีผิวผสม/สภาพผิวของฉันเป็นผิวผสม
2. I’m looking for a skincare for a combination skin. – ฉันกำลังหาสกินแคร์สำหรับผิวผสม
หรือถ้าอยากอธิบายเพิ่มเติมให้กับทางคนขาย ก็สามารถอธิบาย
ลักษณะผิวของเราเพิ่มเข้าไปได้ค่ะ
1. ช่วงทีโซนจะมันระหว่างมัน แต่ส่วนอื่นๆของหน้าจะแห้ง/ปกติ
Around my T-Zone area is quite oily during the day, but the rest of the areas are dry/normal.
ผิวแห้ง ( Dry skin )
ส่วนมากคนผิวแห้งจะเน้นพวกครีมที่เนื้อหนักๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่เติมนำให้ผิว
เพราะว่าสาวๆผิวแห้งจะมาใช้เจล หรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมแอลกอฮอลล์ไม่ค่อยได้
เพราะว่าความชุ่มชื่นจะไม่พอ
ดังนั้นถ้าผิวแห้งมากๆ และต้องการเน้นว่า .. ผิวฉันแห้ง ต้องการครีมหนักๆ
คำว่าเข้มข้นของภาษาอังกฤษในกรณีพวกครีม หรือของเหลว จะใช้คำว่า ” rich “
ในที่นี้ไม่ได้แปลว่ารวยนะคะ แต่แปลว่าเข้มข้น ข้น เยอะ หนัก ประมาณนั้นเลย
เช่น ฉันเป็นคนผิวแห้ง กำลังมองหาม๊อยเจอร์ไรเซอร์แบบเข้มข้น
1. My skin is very dry. – ผิวของฉันแห้ง
2. I have dry skin. – ฉันมีผิวแห้ง
3. I’m looking for a moisturizer for dry skin. – ฉันกำลังมองหาครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง
4. Rich texture – เนื้อสัมผัสเข้มข้น
ผิวแพ้ง่าย ( Sensitive Skin )
สำหรับผิวแพ้ง่าย .. คำว่า allergic / allergy จะได้ใช้บ่อยเลยค่ะ
1.ผิวฉันแพ้ง่ายมากๆ – My skin is very sensitive.
allergy/allergic แปลว่า แพ้ค่ะ แพ้ที่หมายถึงอาการแพ้
ถ้าจะบอกคำว่า ผิวเราแพ้ง่ายมากๆ หรือโดนอะไรนิดๆหน่อยๆ ก็แพ้ ก็พูดได้ว่า
1. I get allergic very easy.
2. My skin gets allergic easily.
* ศัพท์ย่อยๆ ภาษาอังกฤษอื่นๆ *
1. แท็กซี่ = Taxi, cab
Example : Im getting the cab, I come here by the cab, I’ll call the cab to come pick me up
2. ถุงพลาสติก ถุงผ้าใส่ของ = Shopping bag
( เมืองนอกจะมีพวกถุงผ้าขายที่ซุปเปอร์ค่ะ ไว้สำหรับแม่บ้าที่มาช้อปบ่อยๆ พวกนี้จะใช้ถุงผ้าค่ะ
เพราะซื้อครั้งเดียวใช้ได้นานเลยค่ะ สำหรับถุงผ้า ส่วนมากราคาอยู่ประมาณ 99 cents ค่ะ
คิดแล้วราคาประมาณ 25-30 บาทไทยค่ะ)
3. รถเข็น = Shopping cart, shopping trolley
4. ถามราคา = How much are they?, How much is this? หรือ How much does it cost?
(ถ้าจะถามแบบสุภาพมากๆก็ May I ask .. ขึ้นก่อน แล้วก็ตามด้วยคำถามเลยค่ะ )
——————————————————-
Blog วันนี้ก็ยาวมากพอแล้ว
ยังไงขอจบไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมาเจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ
สวัสดีค่ะ