สวัสดีค่ะ
วันนี้ออนจะมาเขียน Review เกี่ยวกับ Botox และ Cheek Lipo ลดแก้มที่ออนได้
มีโอกาสไปทำมากับทางคลีนิก ‘The Klinique’ นะคะ ทางคลีนิกได้ติดต่อมาให้ออน
มาลองทำดู ซึ่งที่นี่มีหลายสาขามาก และสาขาที่ออนได้ไปทำคือสาขาสยามสแควร์ ซ.9
ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำอะไร ออนก็ได้เข้าไปปรึกษาและคุยกับคุณหมอก่อน
เพื่อให้คุณหมอดูหน้าว่าควรจะต้องปรับปรุง แก้ไขในส่วนไหนบ้าง ซึ่งครั้งนี้คุณหมอ
ที่ดูแลออนคือ ‘คุณหมอ นพ. อุดมศักดิ์ บุญนริสรางกูร’ คุณหมออารมณ์ดีมาก
ให้คำปรึกษา แนะนำ รวมถึงพยายามทำความเข้าใจในความต้องการของออนด้วย
ซึ่งหลังจากที่ปรึกษากับคุณหมอแล้ว .. ออนก็สรุปว่าออนต้องการจะลดแก้ม และ
ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เพราะออนเป็นคนที่ทานอะไรเท่าไหร่ ก็จะออกที่หน้ากับพุง
จะไม่ออกแขนหรือขาเลย ซึ่งพออ้วนขึ้นมา น้ำหนักก็จะมาออกที่แก้ม หน้าจะใหญ่
ขึ้น แก้มจะยุ้ยขึ้น จนเวลาถ่ายรูปมันดูบวมไปซะหมด คุณหมอเลยแนะนำให้ทำ
Botox ที่จะเป็นตัวลดและปรับกระชับกล้ามเนื้อบริเวณกราม และฉีด Cheek Lipo
ซึ่งเป็นตัวลดหรือสลายไขมันบริเวณแก้ม
มาเริ่มกันที่ Botox ก่อน ก่อนที่จะทำอะไร อยากให้ทุกคนได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ
การทำก่อน เพื่อผลที่ดีที่สุด เพราะออนเชื่อว่าก่อนที่เราจะทำอะไร โดยเฉพาะกับร่างกายของ
เรา เราควรจะรู้ก่อนว่าเราทำอะไรอยู่ ผลข้างเคียงจะเป็นยังไง จะกระทบกับเรามั้ย ออนเลย
อยากให้เข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บก่อนที่จะทำ Botox กันค่ะ “คลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อมูล”
ออนนัดไปทำวันพุธที่ 14 มีนาคม ตอนบ่ายโมง ซึ่งก่อนจะทำ Botox จะต้องฉีดยาชา
หรือประคบน้ำแข็งก่อน ซึ่งฉีดยาชาจะต้องใช้เวลาประมาณ30-45 นาที กว่ายาจะออก
ฤทธิ์ แต่วันนั้นออนรีบมาก เพราะต้องไปรับเพื่อนและไปงานต่อ เลยขอประคบน้ำแข็งพอ
อารมณ์ว่าไม่กลัวเจ็บ ขอสวยก็พอ
—————————————————————————
ไปถึงคลีนิกหน้าเปล่าๆเปลือยๆแบบนี้เลย เพราะว่ายังไงก่อนทำก็จะต้องมีการเช็ดล้าง
บริเวณที่จะฉีดอยู่แล้ว จากในรูปจะเห็นว่าออนมีใบหน้าที่กลม และมีแก้มมาก ที่สำคัญ
แก้มใหญ่ไม่เท่ากันด้วย เคยคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าเกิดมาจากการที่เวลาเคี้ยวข้าว
แล้วเคี้ยงด้านใดด้านนึงมากกว่า ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ไม่เท่ากัน
บรรยากาศตรงที่นั่งรอชั้น 2 ของคลีนิกเป็นแบบนี้ค่ะ นั่งรอประมาณ 5 นาที
พยาบาลก็ให้เข้าไปหาคุณหมอ พูดคุยอีกรอบก่อนทำ
เข้ามาในห้องเรียบร้อย พยายามก็จะเอาหมวกคลุมผมมาเก็บผมให้เรียบร้อย
หน้ากลมมากๆ พอยิ่งเก็บผม
ซักพักพยายาลก็เอาน้ำแข็งมาประคบหน้า เพื่อเตรียมฉีด Botox ซึ่งการฉีดจะนับเป็น
Unit โดยปกติแล้ว ถ้าคนมีแก้ม หรือมีแก้มเท่าๆออนจะฉีดอยู่ที่ข้างละ 30 Unit รวม
กันก็จะประมาณ 60 Unit แต่จำนวน Unit ที่ฉีด คุณหมอจะเป็นคนแนะนำ โดยดู
จากรูปหน้าของเราค่ะ
คุณหมอก็เข้ามา และดูกล้ามเนื้อบริเวณด้านข้างของแก้มออนอีกที โดยจะให้
กัดฟันไว้ เพื่อเช็ค ก่อนจะใช้เบตาดีนลากจุดที่จะฉีดยาเข้าไป
เสร็จแล้วคุณหมอก็จะค่อยๆฉีดตัวยาเข้าไป จะรู้สึกเจ็บๆ แต่ไม่ได้ถึงกับขนาดทนไม่ได้
โดยการฉีดคุณหมอจะกระจายฉีดตามจุดที่ได้กะไว้ตั้งแต่ตอนแรก ถ้าจำไม่ผิดคุณหมอ
ทำจุดไว้ประมาณ 5-6 จุดในการฉีดยา
หลังจากฉีด Botox เสร็จทั้งสองข้างแล้ว ก็มาต่อที่ Cheek Lipo ซึ่งจะเป็นการลดไขมันที่แก้มนั่นเอง
ซึ่งปริมาณหรือจำนวนครั้งที่ฉีด ก็จะขึ้นอยู่กับไขมันที่บริเวณแก้มของแต่ละคนว่าเยอะ-น้อยแค่ไหน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Cheek Lipo ได้ที่นี่ค่ะ ‘คลิก‘
โดยคุณหมอก็จะทำเหมือนเดิมคือประคบน้ำแข็ง วาดจุด และเริ่มฉีด Cheek Lipo ทีละจุด
หลังจากฉีดเสร็จแล้วทั้งสองข้าง ตัว Cheek Lipo จะทำให้หน้าบวมขึ้นมาเล็กน้อย
และจะหายปกติภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งพอฉีดเสร็จ แก้มก็จะแดงแบบในรูป และพยาบาลก็จะ
นำน้ำแข็งมาประคบ เพื่อช่วยลดการบวม และการแดง
หลังจากฉีดเสร็จแล้ว แก้มจะบวมขึ้นมาแบบในรูปค่ะ คือสามารถไปไหนมาไหนต่อได้
แต่ก็จะแดงๆบวมๆ ยังสามารถแต่งหน้ากลบได้ ไม่มีปัญหาเลย
ซึ่งวันนั้นตอนเย็นออนมีงาน ออนก็แต่งหน้ากลบ ก็จะได้แบบในรูป คือยังเห็นความบวม
แต่สามารถไปข้างนอกได้ปกติ ไม่ต้องพักอยู่บ้าน
———————————————————-
สรุปแล้ว Botox ทุกอย่างจะเริ่มเห็นผลในช่วง 2-3 อาทิตย์หลังจากทำ ซึ่งเดี๋ยว
ครบ 1 เดือนพอดี ออนจะมาเขียนอีก Review ว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะการฉีด
Cheek Lipo จะเห็นผลดีที่สุดในครั้งที่ 2-3 ขึ้นไป (ซึ่งคุณหมอบอกว่าไขมันที่
แก้มออนค่อนข้างเยอะ ถึงเยอะมาก อาจจะต้องฉีด 4-5 ครั้ง) ดังนั้นเดี๋ยวจะมาสรุป
อีกทีด้วย
ในส่วนของราคา
Cheek Lipo ฉีดอยู่ที่ครั้งละ 4,000 บาท
และสำหรับ Botox (ต้องพบคุณหมอ และคุณหมอจะแจ้งว่าต้องฉีดกี่ Unit)
Botox ราคา 250 บาท/ 1 Unit
50 Unit – 99 Unit จะเหลือ 199 บาท/ 1 Unit
100 Unit – 199 Unit จะเหลือ 189 บาท/ 1 Unit
200 Unit ขึ้นไป จะเหลือ 179 บาท/ 1 Unit
ซึ่งสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่
เว็บไซต์ : http://www.theklinique.com/ ค่ะ
Disclaimer : Sponsored by The Klinique
เดี๋ยวมาพบกับ Part 2 ของการ Review นะคะ
ขอบคุณทาง The Klinique อีกครั้งค่ะ