สวัสดีค่ะ
วันนี้กลับมาพร้อมกับ Skin care Review ให้อ่านกันนะคะ
ซึ่งวันนี้สกินแคร์ที่ได้ลองใช้คือของ Neutrogena รุ่น Hydro Boost นั่นเอง
ออนเคยเห็นโฆษณาของไลน์นี้ออกมาซักพักแล้ว และแอบอยากลอง แต่ยังไม่มีโอกาสไป
ซื้อซะที เพราะว่าสกินแคร์ที่ใช้อยู่ยังไม่หมด แต่โชคเข้าข้าง เมื่อทาง Neutrogena ใจดี
ส่งมาให้ลองทั้งเซ็ตเลย
ก่อนที่จะเริ่ม Review ต้องบอกก่อนว่าผิวออนเป็นผิวผสม คือจะมีความมันวาวบ้าง
เล็กน้อยในช่วงบริเวณ T-Zone และตรงข้างแก้มก็จะไม่มัน แต่ก็จะไม่ถึงกับลอกเป็นขุย
ส่วนปัญหาผิวอื่นๆจะมีในเรื่องของสิวผด (ที่เกิดมาจากการเอาผ้าห่มเน่ามากอดและหอมตลอดเวลา)
นอกนั้นก็จะมีรอยดำจากสิวบ้างเล็กน้อยไม่กี่จุด ซึ่งมาดูกันดีกว่าว่าในไลน์นี้มีอะไรบ้าง
และออนชอบตัวไหนเป็นพิเศษบ้าง
Neutrogena Hydro Boost
ทั้งเซ็ตจะมีทั้งหมด 4 ชิ้น
– Neutrogena Hydro Boost Mousse Cleanser 150ml (485บาท)
– Neutrogena Hydro Boost Water Gel 50g (820บาท)
– Neutrogena Hydro Boost Night Concentrate 50g (820 บาท)
– Neutrogena Hydro Boost Eye Roll-On 15g (520 บาท)
ซึ่งในไลน์ของ Hydro Boost นั้นจะเน้นการเติมน้ำให้ผิว เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่ขาดน้ำ
และอย่างที่ออนเคยพูดบ่อยๆว่าผิวคนเราไม่ว่าจะผิวมัน หรือผิวแห้ง ก็สามารถขาดน้ำได้เสมอ
ดังนั้นเราควรเติมน้ำ เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอๆ เพื่อให้ผิวไม่ขาดน้ำ และมีน้ำหล่อเลี้ยง
เพื่อให้ผิวชุ่มชื่นจากภายใน และเมื่อผิวมีความชุ่มชื่นจากภายใน ก็จะช่วยให้ผิวของเราดูเนียน
เปล่งปลั่ง หยุ่นๆ และดูสดใส มากกว่าผิวแห้งที่ขาดน้ำ
ยกตัวอย่างง่ายๆเลย พื้นดินที่แห้ง ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง ก็จะแตกๆ แห้งๆ ร้าวๆ
แต่เมื่อดินมีน้ำหล่อเลี้ยงเพียงพอ ผิวหน้าดินก็จะไม่แห้ง ไม่แตก และรวมเข้ามา ที่สำคัญ
จะดูเรียบ และเนียนมากขึ้น ดังนั้นน้ำหรือความชุ่มชื้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเติมความชุ่มชื้นค่ะ
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ลองใช้ และชอบเป็นพิเศษในไลน์นี้สำหรับออน ก็จะมี 2 ชิ้นค่ะ
Neutrogena Water Gel 50g (820 บาท)
ตัวนี้เป็นครีมเจลไว้ทาหน้าสำหรับกลางวัน ซึ่งสรรพคุณคือช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และเก็บกักความ
ชุ่มชื้นได้นานถึง 12 ชั่วโมง มาในรูปแบบกระปุกสีฟ้าๆ (ชอบสีฟ้าาาาา)
เปิดฝาออกมา จะเห็นเนื้อเจลหยุ่นๆสีฟ้าอ่อน น่าใช้มากกกกกกกก
จากที่เคยบอกไปว่าออนจะดึงดูดเข้าหาพวกสกินแคร์โทนสีฟ้าๆ หรือ Aqua ได้ดีมาก รวมถึง
อะไรที่เติมน้ำให้ผิว จะชอบเป็นพิเศษ เนื้อเจลหยุ่นมาก และดูชุ่มๆ น่าใช้มากกกกกกกก
จากในรูปจะเห็นว่าเนื้อเจลจะไม่ข้นเท่าไหร่ ทำให้พอทาไปกับผิว และซึมได้ดีมาก ที่สำคัญเนื้อเจลรุ่นนี้
ทาแล้วไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนใบหน้าเลย เพราะออนเป็นคนที่เรื่องมากกับพวกครีมที่ทาหน้า
มาก คือจะไม่สามารถใช้อะไรที่เหนียวๆเหนอะๆได้เลย จะต้องใช้พวกที่เป็นแบบเจลมาตลอด เพราะซึม
ง่าย และที่สำคัญไม่เหนียว ซึ่งตอนแรกที่ลองก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างวันจะมันมั้ย ปรากฏว่าตั้งแต่เช้ายัน
เย็น ไม่ทำให้หน้าออนมันเยิ้ม ที่สำคัญไม่เหนียวเหนอะหนะ ในอากาศร้อนๆชื้นๆแบบบ้านเราด้วย
ชอบมากๆตรงนี้เลย คือเติมความชุ่มชื้นได้ดี และไม่ทำให้หน้ามันขึ้น เป็นข้อที่ชอบที่สุดสำหรับออน
Neutrogena Hydro Boost Night Concentrate 50g (820 บาท)
ต่อมาตัวที่ 2 ที่ใช้แล้วประทับใจก็จะเป็นครีมเจลที่ไว้ทาบำรุงหน้าในตอนกลางคืน มาในกระปุกเหมือน
กับรุ่นที่เป็นสำหรับกลางวัน แต่จะต่างกันตรงสีของฝานั่นเอง รุ่นนี้ฝาจะสีฟ้าด้วย สรรพคุณของรุ่นนี้
คือเพื่อฟื้นฟูบำรุงผิวในช่วงกลางคืน
สำหรับตัวกลางคืน เนื้อเจลจะเหมือนกัน แต่ให้ความรู้สึกที่ข้นกว่า ชุ่มชื้นกว่า และมีเม็ดบีดส์สีเขียว
ด้วย เวลาทาไปแล้วจะรู้สึกเหมือนมีแผ่นฟิล์มบางๆเคลือบผิวให้ความชุ่มชื้นไปในตัว
จากในรูปจะเห็นว่าเนื้อเจลจะดูข้นกว่า และหนากว่าแบบกลางวัน ซึ่งพอทาไปแล้ว ผิวจะยังมีความมัน
วาว เหมือนกับมีแผ่นฟิล์มมาเคลือบความชุ่มชื้นไว้ ตัวนี้หลังจากที่ใช้แล้ว เวลาตื่นเช้ามา หน้าจะชุ่มชื้น
หยุ่นๆเลย คือไม่แห้งไป ไม่เป็นขุย และรู้สึกว่าผิวหน้ามันหยุ่นๆ เด้งๆ และแน่นอนว่าพอผิวมันมีความ
ชุ่มชื้นเพียงพอ ก็ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ทาแป้ง ทาอะไรก็ง่ายขึ้น หน้าไม่หมองด้วย ชอบมากตรงนี้เลย
ซึ่งนี่ก็เป็น Review ผลิตภัณฑ์จาก Neutrogena ในไลน์ของ Hydro Boost ที่ออน
ได้ลองใช้ และชอบเป็นพิเศษนะคะ โดยระยะเวลาที่ออนได้ลองใช้มาเป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์กว่า
ซึ่งในเรื่องของความชุ่มชื่น ที่เริ่มเห็นว่าผิวเต่งขึ้น หยุ่นขึ้น สดใสขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้น จะเริ่มเห็นผล
ตอนประมาณอาทิตย์นึง หลังจากใช้ค่ะ ซึ่งออนใช้เช้า- เย็นสม่ำเสมอเลย
Disclaimer : Neutrogena ได้ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ลองใช้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเขียน
Review ของออน มาจากการทดลองใช้ด้วยตัวเอง รวมถึงมาจากความรู้สึกหลังการใช้ของ
ตัวเองค่ะ แต่ยังไงก็ตาม ออนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งคนที่ได้ลองใช้ และความชอบ รวมถึงความต้องการ
และปัญหาผิว สภาพผิวของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อ ควรไปลอง
ด้วยตัวเอง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมจะดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณค่ะ