สวัสดีค่า
วันนี้มาพบกันอีกแล้ววว ช่วงนี้ว่างแล้ว เพราะเรียนจบแล้วค่ะ
วันนี้เลยตั้งใจมาเขียนเกี่ยวกับทริปที่ออนได้ไป Cruise แบบ 3 วัน ล่องจาก Long Beach,
California ไป Ensenada, Mexico มาค่ะ ขอบอกว่าเป็นประสบการ์ที่ประทับใจมาก คุ้มมาก
ทุกบาททุกสตางค์ ตั้งแต่วินาทีที่ก้าวขึ้นเรือจนลงจากเรือ มันคุ้มจริงๆ แนะนำมากๆค่ะ
ยิ่งถ้าใครมีแพลนมาเที่ยวอเมริกา หรืออยู่อเมริกาอยู่แล้ว อยากจะเซอไพรส์ หรือทำให้สาวๆ
หรือคนในครอบครัว impress การไปเที่ยว Cruise ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แนะนำ เพราะว่ามันคุ้มมากๆ
คือจ่ายรวดเดียว อาหารฟรีตลอดทั้งมื้อ และเดี๋ยวจะให้ดูกันว่าอาหารมันเริ่ดขนาดไหน
เหมือนโรงแรม 4-5 ดาวขนาดย่อมในเรือเลย ใครนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึง Titanic มัน
แบบนั้นเลย การบริการ การที่เค้า treat เรา มันแบบเห้ยยย กรี๊ดดดด
หลังจากที่ตัดสินใจจะไป ก็เลยนั่งหาข้อมูล เนื่องจากออนอยู่ใกล้ LA ดังนั้นท่าเรือที่
ออนจะขึ้นก็จะเป็นที่ Long Beach ห่างจากที่ๆออนอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ บวกกับออนมี
เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน เพราะวันจันทร์เช้าต้องรีบกลับไปเรียน ดังนั้นเลยต้องหา Cruise
ที่มีเวลาออกในวันศุกร์ และกลับมาถึงท่าในวันจันทร์เช้า
และในที่สุดก็หาเจอนั่นก็คือ Carnival Cruise ไป Ensenada ประเทศ Mexico ค่ะ
ราคาคนละ $300 (9,000 กว่าบาท) ราคานี้รวมอาหารเช้า กลางวัน เย็นตลอดทริป และ
ห้องพักแบบ Ocean View ค่ะ
ขนาดเรือที่เห็นมันใหญ่ม๊ากกกก (แต่มีคนบอกว่าพวกทริป 7 วันที่ไปพวก Caribbean มัน
ใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่า ทำให้มั่นใจว่าปีหน้าต้องไปแบบทริปยาวๆซะหน่อยละ)
วันออกเดินทางมาถึงแล้ว เรือออกจากท่าที่ Long Beach ตอน 17.30
แนะนำให้เช็คอินออนไลน์ก่อน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และควรมาถึงที่ท่าประมาณ 14.30-16.00
ไม่เกินนี้ เพื่อให้มีเวลาตรวจสอบสิ่งของแบบไม่รีบ สบายๆ ขึ้นไปบนเรือก่อนเวลา และก็สามารถ
กินอาหารได้ บนเรือมีให้ (เน้นอีกคร้ังว่า….ฟรี)
ส่วนบัตรด้านขวาที่เห็นทุกคนจะมีเป็นของตัวเองคนละ 1 ใบ
คล้ายๆกับ credit card ที่ใช้ตลอดทริปนี้ ถ้าหากต้องการซื้ออะไรเพิ่มเติมเช่น ซื้อชั่วโมงอินเตอเน็ต
เล่น casino (สอดบัตรนี้เข้าไปเพื่อสะสมแต้ม) หรือสั่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และค่อยจ่าย
ตอนจะกลับรอบเดียว บวกกับบัตรนี้ต้องมีเวลาที่แวะลง Mexico และจะกลับขึ้นมา เจ้าหน้าที่
จะเช็คจากบัตรนี้ด้วยค่ะ สำคัญมาก ต้องเก็บไว้ดีๆ
เวลาขึ้นมาบนเรือ ตามลิฟท์ หรือผนังก็จะมีตำแหน่งบอกว่าเราอยู่ตรงไหน และชั้นไหนมี
อะไรบ้าง เพราะว่าเรือมันใหญ่มาก ทางลงทางขึ้นแอบซับซ้อน ถ้ามาคนเดียวบอกเลยว่า
ไม่มีทางเดินกลับห้องถูก ยิ่งเป็นผู้หญิงเอ๋อๆอยู่ งงจริงๆ
พอขึ้นเรือมาก็เอากระเป๋ามาเก็บในห้องค่ะ อันนี้คือห้องแบบ Ocean View จะมีหน้าต่างให้
มองออกไปข้างนอก เห็นวิวทะเลได้ แนะนำนะคะให้จองห้องแบบนี้ เพราะมันจะมีอีกห้องที่เป็น
หน้าต่างแบบวงกลมเล็กๆ มองอะไรแทบไม่เห็น ออนว่าแบบนั้นน่าจะอึดอัด ยิ่งถ้าใคร
ไม่ชอบอะไรแคบๆ ที่แคบ อยู่แบบนั้นอาจจะเมาเรือ บวกรู้สึกอึดอัดมาก
มันจะมีอีกห้องนึงด้วย ราคาแพงกว่า แต่เต็มเร็วมากก ห้องนั้นจะมี balcony ออกมานั่งได้
ดูวิวทะเลสวยๆ คราวหน้าว่าจะจองห้องแบบนั้น เพราะห้องจะใหญ่กว่าด้วย
เตียงนอน ออนนอนหลับสบาย ไม่มีปัญหาเลย เตียงนุ่ม แอร์เย็น ผ้าห่มหนา
ส่วนห้องน้ำจะเล็กนิดนึง (ก็ในเรือเนอะ แบ่งพื้นที่ใช้สอย)
หลังจากนั้นก็ลงมาห้องอาหาร ทุกคนจะถูกจัดให้ตามโต๊ะของตัวเอง
ซึ่งอาหารเป็นแบบ A La Carte มีพนักงานมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ แต่สามารถสั่งกี่จานก็ได้
ไม่จำกัด มีตั้งแต่ Appetizers, Main, Desserts ครบค่ะ
เมนูจะมาแบบนี้เลย
เราจะเลือกสั่งทุกอย่างในเมนูก็ได้ ไม่มีปัญหา (เน้นอีกครั้ง..ฟรี!!!) พนักงานที่นี่จะสอบถาม
ชื่อเรา และจำชื่อเราได้แม่นมากกกก พร้อมทักทายตลอด
ตรงส่วนของ Steakhouse Selections จะต้องเพิ่ม $20 เป็นอารมณ์อาหารที่ดีขึ้นกว่าปกติ
มีพวกสเต็กเนื้อดีๆมาให้ รวมถึง Lobster ด้วย แต่ขอแนะนำว่าอย่าพึ่งสั่ง ให้รออีกวัน เพราะเค้าจะ
สลับปรับเปลี่ยนเมนู และอีกวัน Lobster จะฟรี และกินได้ไม่อั้น ดังนั้นรอก่อนนะคะ จะได้กินฟรีๆ
จานแรกกับ Seared Tuna
อร่อยกำลังดี ซอสเปรี้ยวๆ รสชาติโอเคเลย
Shrimp Cocktail
อันนี้ใครไม่ชอบอะไรเล่นๆ น่าจะถูกใจกัน ให้กุ้งตัวกลางๆมา 3 ตัว มีน้ำจิ้มนิด
มะนาวหน่อย กินแก้เลี่ยนระหว่างรออาหาร
อันนี้ชื่ออะไรไม่รู้ จำไม่ได้ แต่มันคือเกี๊ยวซ่าบ้านเราดีๆนี่เอง
อันนี้รสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ เค็มๆ กลมกล่อมใช้ได้
จบจาก Appetizers กันไปแล้ว คราวนี้มาเข้าในส่วนของอาหารหลักกันดีกว่า
ออนสั่ง Flat Iron Steak แบบ Medium Rare เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพริกไทยดำ ขอบอกว่า
เนื้อคุณภาพนุ่มกว่าร้านอาหารแพงๆเยอะเลย เนื้อนุ่ม ชิ้นใหญ่ ขายตามร้านชิ้นนี้
หลายร้อยแน่ๆ บางที่อาจถึงหลักพัน
ต่อกันที่ Mahi Mahi Fillet
หรือภาษาไทยก็คือปลา “อีโต้มอญ” นั่นเอง อันนี้ของพี่โต้ ไม่แน่ใจว่ารสชาติเป็นยังไง
แต่ชิ้นใหญ่ใช้ได้เลย
เมนู Desserts ก็มีให้เลือกหลายอย่างมาก
Pie A La Mode จะเปลี่ยนไปทุกคืนเช่นคืนนี้เป็น Cherry Pie อีกคืนอาจจะเป็น Apple Pie
ทางพนักงานเสิร์ฟจะแนะนำ
ออนสั่ง Carnival Melting Chocolate Cake
หรือช็อกโกแลตลาวาบ้านเรานั่นเอง มาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลา ขอบอกว่าจิ้มลงไป
ลาวาไหลทะลักเหมือนกัน รสชาติไม่แพ้ Spring & Summer เลย นี่ขนาดในเรือนะเนี่ย
หลังจากินอิ่มแล้ว ก็เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ จะมี Mini Golf Course อยู่ สามารถไปตีได้
มีไม้ พร้อมลูกให้พร้อม หรือใครจะวิ่งย่อยก็วิ่งได้ค่ะ มีลู่วิ่งอยู่ พื้นจะนิ่มๆ ทำให้วิ่งได้ ไม่เจ็บเท้า
เดินมาอีกด้านของเรือ ก็จะเป็นสระว่ายน้ำรวม จะมีตรง Jacuzzi ด้วย
อยากลงมาก แต่คนเต็มตลอด เลยไม่ได้ลงไปเล่นซะที กลางคืนจะน่าเล่นมาก เพราะไฟสวยค่ะ
ตื่นเช้ามาก็มากินอาหารเช้าแบบ Buffet ริมสระว่ายน้ำ มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor
มีอาหารให้เลือกหลายสิบอย่าง มีเชฟที่ทำ omelette กับ scramble eggs สดๆให้ด้วย อาหารเช้า
จะเน้นเป็นพวกไข่ดาว ขนมปัง แพนเค้ก คอนเฟลก เนย นม น้ำส้ม เบคอน ไส้กรอก ฯลฯ
บรรยากาศตอนนั่งกินอาหารเช้าค่ะ ท้องฟ้าสวยมาก มีแดด แต่ลมเย็น สบาย ไม่ร้อนเลย
นั่งกินอาหารเช้าอย่างมีความสุข พร้อมใส่ชุดเตรียมลุย เพราะว่าวันนี้เรือจะ
ขึ้นที่ท่าที่ Ensenada Mexico ซึ่งจะมีเวลาอยู่ประมาณครึ่งวัน อยู่ได้ถึงบ่ายๆ ก่อนที่
จะต้องกลับมาขึ้นเรือใหม่
ระหว่างนั่งกินอยู่ เจอนกตัวนี้บินฉกเบค่อนโต๊ะข้างๆไปเฉ๊ยยย ชิ้นใหญ่ซะด้วย
และออนก็บ้าจี้คว้ากล้องมาถ่ายทันวัด้วย
เตรียมตัวลงจากเรือ ไป Mexico แล้วค่า
เลยเอารูปตรงห้องโถงกลางมาให้ดูกัน ตรงนี้จะเห็นชั้นของเรือแต่ละชั้น มีลิฟท์ด้วยนะ
ตรงก่อนที่จะลงไปที่ท่าเรือ จะมีบริการให้ซื้อพวกทัวร์ หรือกิจกรรมต่างๆที่ทำได้ใน Mexico
เช่นพายเรือคยัก, เช่ารถ ATV ขับรอบๆเมือง, ขี่ม้า, ไปชมสวนไวน์, ขี่จักรยาน ฯลฯ แต่แนะนำว่าให้ลง
ไปซื้อกับคนพื้นเมืองใน Mexico จะได้ราคาที่ถูกกว่าค่ะ และต่อราคาได้ด้วย
พอลงมาจากท่าเรือก็จะมีรถมารับ ราคาอยู่ที่คนละ $4 ไป-กลับ
แนะนำให้ขึ้นรถที่ทางเรือแนะนำนะคะ อย่าไปขึ้นอันอื่น เพราะอาจถูกหลอกได้ค่ะ
ถึงแล้ว Ensenada Mexico ร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สำหรับอเมริกา ประเทศ Mexico เปรียบเหมือนพลเมืองชั้นสองของเค้า เพราะประเทศนี้ค่อน
ข้างยังไม่พัฒนา และฐานะยากลำบากกว่า ดังนั้นคน Mexico จะหลบหนีเข้ามาเป็นแรงงานต่างด้าวที่
อเมริกาเยอะมาก โดยพวกนี้จะต้องทำงานแรงหนักที่ค่อนข้างหนัก หรืองานที่ด้อยสุดเช่นล้างจาน
ล้างรถ ทำสวน งานอะไรที่ฝรั่งไม่ทำ คน Mexico จะมาทำ ที่สำคัญได้ค่าแรงขั้นต่ำด้วย
เดินเล่นกันซักพัก ก็เลยไปเช่ารถ ATV มาขับ จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่
เหมือนจะชั่วโมงละ $30 สามารถขับไปไหนก็ได้ในเมือง แล้วก็นำรถกลับมาคืน หลังจากขับเสร็จ
ก็เลยแวะมา Papas & Beer ร้านอาหาร Mexican ชื่อดังที่ใครๆต้องมา เป็นร้านใหญ่ และดังขนาดมีร้าน
ขายของที่ระลึกเป็นของตัวเอง แถมอารมณ์แบบ Day Club เพราะเปิดเพลงตี๊ดมากกกกก
มาถึงก็ต้องสั่ง Margarita พร้อมกับเบียร์ปักลงมาในแก้วแบบนี้
Margarita ที่นี่ไม่ได้เป็นแก้วจิ๋วๆแบบที่ไทย แต่มาเป็นใหญ่ยักษ์แบบนี้ แต่อร่อยจริงๆ
มาถึง Mexico ก็ต้องกินอาหาร Mexican
อันนี้เป็น Nachos ราดด้วย Salsa และ Sour Cream คือมันอร่อยมากกกกก
ต้นตำรับแท้ๆเลย
ส่วนของออนเป็น Cheese Nachos มาพร้อมกับ Avocado
คือชีสเน้นๆ เต็มๆคำ มันอร่อยมากกกกกก
หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวเล่นต่อนิดหน่อย ก่อนที่จะต้องกลับขึ้นเรือใหม่
ดูขนาดตัวคนกับขนาดเรือ มันคนละไซส์จริงๆ
พอเรืออกจากท่าที่ Ensenada ก็จะเห็นนกบินเต็มไปหมด ทะเลก็สีฟ้า สวย
มาถึงอาหารมื้อเย็นกันบ้าง
วันนี้เมนูมีเปลี่ยนใหม่นิดหน่อย แต่แน่นอนว่ามีอะไรที่เด็ดมากเพราะวันนี้มี Lobsters ที่กินได้ไม่อั้น
(เน้นอีกคร้ัง…ฟรี!!) ดังนั้นวันนี้เป็นมื้อเย็นที่เลิฟสุดๆ เพราะออนชอบกิน Lobsters อยู่แล้ว
มาแล้วกับจานแรกนั่นก็คือ Mushroom Cream Soup หรือซุปเห็ดนั่นเอง
ออนชอบนะ กำลังดี ไม่เค็ม ไม่ครีมมี่เกินไป ใจจริงเป็นคนชอบซุปเห็ดอยู่แล้วด้วย เลยยิ่งแฮ็ปปี้
ต่อด้วย Steamed Mussels มาพร้อมกับ Garlic Toast
จานนี้เป็นจานโปรดของออนกับพี่โต้เลย กินหอยพร้อมกับขนมปังกระเทียม อร่อยมาก
Lobsters มาแล้วววววววว มาเป็นส่วนหาง
เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งอีก 3-4 ตัว คือถามว่าสดแบบเด้งๆเลยมั้ย ออนให้ 4/5 นะ เพราะบางตัวสดมาก
เนื้อเด้ง แต่บางตัวเฉยๆ ออนกินไปทั้งหมดเกือบ 3 ตัวได้ อร่อยมาก คุ้มจริงๆ เพราะไปกินที่ร้านในเมกา
ขนาดร้านถูกๆอย่างพวก Red Lobster หางนึงก็ $20-$30 ได้แล้ว ดังนั้นวันนี้ฟาดเรียบ
มาต่อที่ Creme Brulee ของโปรดของออน กรี๊ดดด ไม่พลาดเลย
มันอร่อยมากกก เต๊าะหน้าให้แตก ตักไส้กิน อร่อยยลืมมมม
ในแต่ละคืน เวลากลับมาที่ห้อง ถ้าเราเลือกให้คนมาทำความสะอาด เค้าจะมาทำความสะอาด
ห้องน้ำ ปูเตียงใหม่ พร้อมกับของตกแต่งน่ารักๆแบบนี้ คืนแรกเป็นหงส์ คืนที่สองเป็นลิงแบบนี้
น่ารักมากๆ ใครที่เป็นห่วงว่ามีคนเข้ามาทำความสะอาด ของจะหายมั้ย ทิ้งของมีค่าไว้ได้รึเปล่า
ขอบอกว่าสบายใจหายห่วงได้ค่ะ ลองทิ้งทั้งมือถือ ทั้ง MacBook Air ไว้ ทุกอย่างอยู่ครบ
โดยทิปของพนักงานที่เข้ามาจัดห้องเรา จะถูกบวกเข้าไปในบัตรของเราอัตโนมัติ ถ้าจำไม่ผิด
คือ 12% (จากราคาตั๋วของเรา) ออนว่าโอเคเลยนะ เพราะเค้ามาทำห้องให้สะอาดใหม่ทุกวัน
มาถึงวันอาทิตย์ ที่หลายๆคนชอบไปกิน Sunday Brunch
แต่คราวนี้จะมากิน Seaday Brunch แทนนะคะ ส่วนมากคนจะไม่รู้ว่ามีห้องอาหารนี้ด้วย
ก็จะไปกินแค่ตรงส่วน Buffet กัน แต่จะบอกว่ามันมีอีกห้องค่ะ นั่งกินสบายๆ สวยๆ
แนะนำค่ะ ที่นี่ก็จะมีเมนู Breakfast + Lunch = Brunch ให้เลือกกินสบายๆ
French Toast มาแบบ 2 ชิ้นแน่นๆ
พาสต้าอะไรซักอย่าง จำไม่ได้แล้ว จานนี้เฉยๆ หรืออาจจะเพราะเป็นคน
ไม่ชอบอะไรที่เป็นมะเขือเทศก็ไม่รู้ เลยไม่ปลื้ม
Egg Benedict ของโปรดมาแล้วววววว
สามารถเลือกได้ว่าจะเอาแฮมหรือแซลม่อน แน่นอนว่าออนเลือกแซลม่อน
ตอนที่มาเห็นหน้าตาดูไม่น่ากิน เทียบกับร้านอื่นๆที่กินมา แต่เห้ยยย มันอร่อยอะ ไม่แพ้ร้าน
อื่นเลย Hollandaise Sauce เค้าอร่อยทีเดียวเชียว ตัดสินจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ สุดท้ายฟาดเรียบ
Mac & Cheese
จานนี้เฉยๆ เพราะจืดมากกกก แทบจะเหมือนมักกะโรนีกับครีมจืดๆ ไม่มีความเค็มของชีสเลย
ถึงแม้จะดูน่ากิน แต่มันไม่อร่อยจริงๆ
Blueberry Pancake มาแล้ววววว
มีทั้งหมด 4 ชิ้น ราดบลูเบอร์รี่มา จริงๆกินไปชิ้นกว่าๆก็อิ่ม คือกินมาเยอะแล้ว ไม่คิดว่าเค้า
จะให้มา 4 ชั้นแหนะ
หลังจากกินเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อสิ่งนี้……… Water Park กรี๊ดดดดดดด
คือที่อยากมามากกก เพราะมันมีสวนน้ำบนเรือเนี่ยแหละ มันเป็นบรรยากาศที่แบบ
ว่าเห้ยยย สวนน้ำ บน เรือ คือเป็นคนชอบเล่นสวนน้ำตั้งแต่เด็ก ตอนไป Gold Coast
ก็เล่นสวนน้ำทั้งวัน พอมาเจอสวนน้ำบนเรือ กลางมหาสมุทรนี่คนละความรู้สึกเลย ต้องเล่นด่วน
สไลเดอร์สูงๆอย่างนี้ยิ่งชอบ แต่ข้างบนลมแรงและหนาวมาก ยืนจิกขาไปงั้น ใจจริงขาสั่น
ลงมาแล้ววววววว ขอบอกว่าสไลเดอร์ยักษ์มันสูงและยาวมากกก คิวก็ยาวด้วย
สรุปได้เล่นครั้งเดียวเอง เพราะตอนต่อคิวขึ้นไป หนาวจะปากสั่น
มีน้ำพุพ่นๆออกมาแบบนี้ด้วย และมีเด็กฝรั่งมาร่วม scene เอิบบบบ..น้องคะ
โมเม้นท์เด็กน้อยที่เล่นสไลเดอร์พอลงมาแล้วน้ำสาดกระเด็นฟู่ ฟู่
นี่มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง สบาย มีความสุข ไม่เครียดเลย เหมือนระบายความเครียด
ไปในตัวด้วย
หลังจากที่เล่นน้ำเสร็จแล้วก็ไปสปากับคุณแม่และพี่สาวพี่โต้ ส่วนพี่โต้ไป casino
คืออยากบอกว่าในเรือ จะมาแบบคู่รัก ครอบครัว หรือเพื่อนฝูงก็มีอะไรให้ทุกคนทำ
ให้ทุกคนสนุกได้ อย่างผู้ใหญ่ก็มีบาร์ให้นั่งดื่มสบายๆ พร้อมฟัง Live Band ร้องสดๆ
หรือจะไปดู Talk Show ก็ได้ มีเหมือนกัน หรือจะพวกโชว์แบบอารมณ์ตาม Las Vegas
ก็มีค่ะ ส่วนวัยรุ่น ก็มี Night Club มี Casino หรือ Arcade ให้ไปเล่นเกมส์ ส่วนตัวออน
ไปเล่นเกมส์ที่ Arcade มา ก็พวกเกมส์แข่งรถทั่วๆไป แล้วก็ไปเล่น Slot Machine ใน
Casino ระหว่างรอพี่โต้เล่น Black Jack นั่นเอง แต่ถ้ามาอารมณ์แบบพี่สาว-น้องสาว
หรือแม่-ลูก ก็อาจจะเลือกไป Spa ได้ เค้ามีครบวงจรจะตัดผม ทำสีผม ดัดผม ต่อผม
ทรีทเมนท์หัวจรดเท้า มีพวกนวดตัว ขัดตัวทุกอย่าง ที่สำคัญสามารถใช้ห้อง
Steam Room ได้ฟรีด้วย หรือจะ Sauna ก็มี พร้อมห้องอาบน้ำ ล้อกเกอร์เก็บของ
มันเริ่ดมากกกกกกก แต่ในส่วนสปา พวกทำผม ทำหน้า ทำตัว ต้องจ่ายเพิ่ม
และราคาค่อนข้างสูงพอตัวเอง
แพ๊คเกจที่ออนไปทำคือ Head-To-Toe ก็จะมีมาส์กหน้า มาส์กตา ทำความสะอาดหน้า
บำรุงหน้า สครับตัว นวดตัวลงน้ำมัน นวดเท้าอะไรพวกนี้ โดยก่อนทำเค้าจะมีเอกสาร
ให้กรอกรายละเอียด เช่นเรามีความเครียดมากมั้ย อาการปวดของเราที่ไหน อาการยังไง
และก่อนทำ คนที่ทำก็จะมาคุยให้คำปรึกษา สำหรับออน ออนว่าเฉยๆนะ ไม่คุ้มเท่าไหร่
เพราะราคา $150 (5,000/2 ชั่วโมง) นวดไม่ได้อะไรมาก แนะนำว่าขึ้นบก แล้วไปร้านสปา
ร้านนวด จะคุ้มกว่า ดีกว่า และถูกกว่า
หลังจากทำสปา ทำสวยมาแล้ว ก็มาต่อกันด้วยมื้อเย็นมื้อสุดท้าย
ลืมเล่าว่าตอนที่กินดินเนอร์ เค้าจะมีให้เชฟ กับพนักงานเสิร์ฟออกมาเต้นด้วย เหมือนออกกำลังกาย
คลายเครียด แล้วผู้โดยสารก็จะถูกดึงให้ขึ้นมาเต้นด้วยกัน สนุกดี และลืมบอกอีกแล้วว่า
มื้อเย็นของวันที่ 2 ที่ได้กิน Lobster ไม่อั้น วันนั้นจะออกแนวทางการหน่อย คล้ายๆ Gala Dinner
คือคนจะใส่สูทกัน ผู้หญิงก็จะใส่เดรสจัดเต็ม เดรสยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่จะไม่แต่งชิวๆ
มาถึงจานนี้ กินแต่ชีส 5555555 มะเขือเทศเขี่ยออก
เอาเป็นว่าอะไรก็ตามที่มีชีส มักอร่อยเสมอสำหรับออน
Seafood Penne
จานนี้อร่อย เป็นเส้นเพนเน่ ซอสเหมือนจะมีมะเขือเทศเยอะ แต่รสไม่จัด ดังนั้นกินได้ไม่มีปัญหา
มาพร้อมปลาหมึก หอย และปลา กินหมดเลยย
ปิดท้ายด้วยชีสเค้ก
เป็นคนที่กินของคาว แล้วต้องต่อของหวาน ไม่งั้นรู้สึกว่ามื้อนั้นไม่จบ ไม่สมบูรณ์
ชีสเค้กอร่อยทีเดียวเชียว
เช้าวันสุดท้ายก่อนที่จะลงจากเรือ ก็มานั่งกินอาหารที่ห้องอาหารเดิม
มองวิวทะเลสวยๆ กินอาหารสบายๆ
คราวนี้สั่ง Bagel with cream cheese & smoked salmon
สวยงามมาก นี่มัน Au Bon Pain on cruise ชัดๆ คือสด อร่อย ได้ใจมากกกก
ปิดท้ายด้วย Egg Benedict แต่คราวนี้เป็นแฮม
อร่อยเหมือนเดิม
กินเสร็จแล้วก็ขนของออกจากห้อง เช็คเอ้าท์ทุกอย่าง จ่ายเงินที่ใช้จากการ์ดที่ทางเรือให้
และออกจากเรือ เรือก็จะมาเทียบท่า Long Beach เหมือนเดิมค่ะ
ขอบอกว่าเป็นประสบการ์ที่คุ้มมากกกกกกก $300/คน
อาหารฟรีตลอด 4 วัน 3 คืน ห้องพักพร้อม Ocean View ที่จ่ายแยกมีแค่ตอนที่เล่น Casino
กับซื้อ Wifi ใช้ (เนื่องจากออนต้องใช้ทำงาน คุยกับลูกค้า ดังนั้นออนซื้อไปทั้งหมด $100 หรือ
ประมาณ 3,000 บาท คือแพงมากกกนะ แต่ต้องคุยกับลูกค้า ดังนั้นยังไงก็ต้องยอม) แล้วก็มีพวก
สปา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่ถ้าใครไม่ทำแยก คือขึ้นมาบนเรือ ว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ วิ่ง ดูโชว์
อะไรพวกนี้ก็แทบไม่มีอะไรเสียเพิ่มเติม ซึ่งคุ้มมากกกกกกกกกกกกกกกก
เดี๋ยวออนจะเขียน Q&A เผื่อไว้ดีกว่า คิดว่าน่าจะมีคนสงสัยกันเยอะ
Q : มาจากไทย จะสามารถขึ้น Cruise ได้มั้ย? ต้องขอ Visa รึเปล่า?
A : ถ้ามาในแบบ Tourist Visa โดยที่ Visa ยังไม่หมดอายุ สามารถไป Cruise ได้
เพราะตามหลักคืออยู่ Mexico ได้ไม่เกิน 30 วัน ซึ่งไม่เกินอยู่แล้ว แต่ถ้าถือ Tourist Visa
และวีซ่าหมดอายุแล้ว ไม่สามารถไปได้ค่ะ
Q : ถ้าถือ Student Visa แล้ว Visa หมดอายุ แต่ I-20 ยัง Valid จะไปได้มั้ย?
A : ได้ค่ะ เพราะของออน Visa หมดอายุแล้ว เนื่องจากวีซ่าเป็นแบบ 1 ปี นับจากวันที่ขอ
และดันไปขอเร็ว ทำให้หมดอายุเร็ว แต่ I-20 ของออนยัง Valid เพราะออนยังเรียนอยู่
ดังนั้นในกรณีนี้ เค้าจะถือว่าเป็นการต่อวีซ่าอัตโนมัติ เราสามารถไปประเทศเพื่อนบ้าน
ของอเมริกาอย่าง Mexico และ Canada ได้ แต่ต้องอยู่ไม่เกิน 30 วัน (อย่าลืมดูว่าวีซ่า
เป็นแบบ M รึเปล่าคือ Multiple Entries หมายความว่าเข้าออกได้ แต่ถ้าเป็น S คือ
Single Entry ไม่สามารถเข้าออกได้ค่ะ)
Q : สิ่งที่ต้องเตรียมไปมีอะไรบ้าง?
A : ถ้าเป็นนักท่องเที่ยว ก็ถือพาสปอร์ตไป อย่าลืมพกสำเนาไปด้วยนะคะ เผื่อไว้
แต่ถ้าเป็นนักเรียน ให้นำ I-20 ไปด้วย เพราะบางทีเค้าจะทำทีเหมือนเช็ค เพื่อให้แน่ใจค่ะ
อาจจะพกเอกสารสำคัญอย่างอื่นเช่นบัตรประชาชน ใบขับขี่อะไรไปก็ได้ ควรเตรียม
เอกสารให้พร้อมในวันที่ไปเช็คอินนะคะ เพราะถ้าเอกสารไม่ครบ เค้าไม่ให้ไป และ
ไม่มีการคืนเงินค่ะ หรือถ้าไปสาย ไม่ทันเช็คอิน เรือก็ออกตรงตามเวลา ไม่รอเช่นกันค่ะ
Q : น้ำเปล่าเสียตังมั้ย?
A : ถ้าซื้อเป็นขวดๆบนเรือเสียเงินค่ะ ราคาถ้าจำไม่ผิด $3 แต่มันจะมีตู้ให้ไปกรอกน้ำเปล่า
อันนั้นฟรี แต่คนส่วนมากจะพกน้ำเปล่าไปเองจากบ้าน พกกันไปคนละ 6-7 ขวด ถ้าจำไม่ผิด
สามารถพกได้ไม่เกิน 12 ขวดค่ะ
Q : Mexico น่ากลัวรึเปล่า?
A : คนอเมริกาจะไม่ค่อยชอบคนจากประเทศนี้ซักเท่าไหร่ เพราะมองว่าเป็นแรงงานและ
เป็นประเทศที่ไม่เจริญ ผู้คนไม่ค่อยดี ดังนั้นเค้าจะเตือนว่าเวลาลงจากเรือไปเที่ยวใน Mexico
ให้อยู่เฉพาะในเมืองที่มีนักท่องเที่ยว อย่าออกไปไกล เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ซึ่งออนอยู่
แต่ในส่วนตัวเมือง ไม่มีอันตรายใดๆค่ะ มีแต่คนที่พยายามมาขายของ อาจน่ารำคาณบ้าง
แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไร
Q : Wifi ฟรีมั้ย?
A : ไม่ฟรีค่ะ อันนี้คือข้อเสียเลย เพราะออนต้องซื้อใช้ และแพงมากกก
Q : ไป Mexico ใช้เงินอะไร?
A : สามารถใช้เงิน USD ได้ปกติค่ะ เพียงแต่เวลาทอน เค้าจะทอนมาเป็นเงินเปโซ
(MXN) เท่านั้นเอง แนะนำว่าอย่าใช้เครดิตการ์ด เพราะเค้าบอกว่ามีการโกงกัน
เยอะมาก ต้องระวังค่ะ
Q : ต้องให้ทิปพนักงานเสิร์ฟรึเปล่า?
A : จริงๆไม่มีกฏว่าต้องให้ทิปพนักงานเสิร์ฟ แต่ออนอยากแนะนำให้ให้ จะ $10-$20
ก็ได้ เพราะว่าพนักงานในเรือน่าสงสารมาก เค้าจะต้องทำงานบนเรือติดกัน 6 เดือน หรือ
มากกว่านั้น อันนี้คือตามสัญญาเลย และสามารถลาพักร้อนได้ 2 เดือน หลังจากนั้นก็ต้อง
กลับมาทำงานอีก เป็นอย่างนี้ตลอด เงินอาจจะดี แต่ชีวิตทั้งวัน ทั้งอาทิตย์ ทั้งเดิน ต้องอยู่
แต่ในเรือเดิมๆ ทำงานเดิมๆ เลิกงานก็ไม่ได้สังสรรค์อะไร เพราะแขกบนเรือ เข้าๆออกๆ
24 ชั่วโมง แถมเสร็จจากแขกรอบเช้า รอบเย็นก็มีทริปใหม่มา ดังนั้นไม่ได้พักค่ะ เล็กๆ
น้อยๆ ก็ให้กันไปค่ะ เป็นสินน้ำใจ
———————————————————————
จบกันไปเท่านี้กับ Cruise trip to Ensenada Mexico นะคะ
หวังว่าจะถูกใจกันหลายๆคน และอาจจะเป็นไอเดียใหม่ๆ สำหรับใครที่อยากพาสาวๆไป
เที่ยวให้ประทับใจ ในราคาที่กำหนด budget ได้ เพราะเอาจริงๆพักโรงแรม 5 ดาวตามหัวหิน
ภูเก็ตแค่คืนเดียวก็เฉียดหมื่นหรือเกินหมื่นแล้ว แต่อันนี้ล่องเรือ พร้อมนอนพัก 3 คืน แถมอาหาร
อร่อยๆฟรีตลอดทริป พร้อมกับบริการเริ่ดๆ อารมณ์แบบเจ้าหญิงมาก คือมันประทับใจจริงๆ
หรืออยากพาครอบครัวไปเที่ยวก็ได้ จะได้ใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน แนะนำมากๆค่ะ
เจอกันใหม่คราวหน้านะคะ
สวัสดีค่า