สวัสดีค่าา
วันนี้เป็นวันศุกร์ของออน และออนไม่มีเรียน บวกกับวันนี้อยู่อพาทเมนท์ทั้งวัน
ไม่ได้ทำอะไร (จริงๆพึ่งแอบไปว่ายน้ำมา) เลยนึกได้ว่าค้างบล็อกที่อยากอัพไว้นานแล้ว
เลยจัดมา คราวนี้จะพาไปท่องเที่ยวนะคะ พักบ้างเครื่องสำอางสวยๆงามๆ ออนมาที่เมกา
ออนได้ไปหลายที่เหมือนกัน และเมืองนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองโปรดของออนค่ะ
San Diego
เมือง San Diego ในรัฐ California ประเทศ America ค่ะ
ทริปที่ไปคราวนี้ตอนแรกตั้งใจจะไปดู Ringling Bros. หรือคณะละครสัตว์ที่เรียกว่า
มีชื่อเสียงที่สุดเป็นที่รู้จักมากที่สุด และได้มีมานานมาก น่าจะ 100 กว่าปีได้แล้ว
มันเหมือนความฝันตั้งแต่เด็กๆเลย ยิ่งดูDumbo มา ยิ่งอยากดูละครสัตว์แบบนั้นใน
ชีวิตจริงซักครั้งในชีวิต เพราะที่อื่นยังไม่เคยเห็นมี หรือมีก็ไม่ใช่ใหญ่อลังการแบบนี้
เพราะของ Ringling Bros มีช้างเป็นสิบเชือก มีเสือ มีสัตว์ป่ามากมาย
และจะมาแสดงที่ San Diego ห่างจากเมืองที่ออนอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆ
แต่ไม่รู้คิดอะไร เลยนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับละครสัตว์นี้ไปเรื่อยๆ และพบว่ามีคน
แอนตี้เยอะมากกกกก เนื่องจากเค้าเคลมว่า Ringling bros เข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์หรือ
animal-cruelty บวกกับการที่มีรูปและวีดีโอหลุดออกมา
ไม่ว่าจะทรมาณช้างโดยการใช้เชือกดึงขา ใช้ไฟฟ้าช็อต เพื่อให้ยอมทำตามเทรนเนอร์
หรือเทรนเนอร์ที่แอบอ้างตะขอสับไปตามควงช้างเล่น เพื่อความสนุกและสะใจ
ทำให้ออนเปลี่ยนใจไปที่อื่นและสุดท้ายก็มาโผล่ที่นี่แทน …
San Diego Zoo
นั่นเอง สวนสัตว์ขนาดใหญ่ เรียกว่าติดท็อปของโลกเลยก็ว่าได้ อารมณ์แบบว่า
ใครจะมาสวนสัตว์ใน California ต้องมา San Diego Zoo นะ และวันนี้ก็มาแล้ว
ออนซื้อตั๋วจากในเว็บของ San Diego Zoo โดยตรงค่ะ แบบ 1-Day Ticket
ราคาสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ $46 (1,500 บาท) แต่คิดไปคิดมา อยากดู 4D Theater
ด้วยเลยเลือกแบบ 1-Day Ticket Plus ซึ่งราคาจะอยู่ที่คนละ $51 (1,600 บาท)
แต่แน่นอนว่าเราต้องหาอะไรที่ประหยัดที่สุด ออนเลยลอง google มั่วๆไปว่า
“San Diego Zoo discount code” และก็มีเว็บมากมายขึ้นมา พร้อมกับ
discount code ที่ให้เราลองใส่ในช่องก่อนจะ Check out
(บางอันอาจจะใช้ได้ บางอันอาจจะใช้ไม่ได้ค่ะ) แต่โชคดีคือของออนใช้ได้
สรุปได้ลดไปคนละ $5 รวม 2 คนก็ $10 อารมณ์เหมือนซื้อตัวแบบ 1-Day Ticket
ธรรมดา แต่ได้ดู 4D Theater ฟรี
เดินเข้ามาตรงทางเข้าก็เจอน้องนกฮูกกกก ฮูกกกก ฮูกกก
เกาะแขนนิ่งมากกกก น่ารักกกก แต่แอบสงสัยว่าไม่ได้เกาะแขนหลับอยู่ใช่มั้ย
เดินไปดูช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างรึเปล่าา ..
ที่นี่เค้าจัดสถานที่ให้สัตว์ดีเลยหละ มีบริเวณให้เดิน จำลองสถานที่ให้ใกล้เคียงกับชีวิต
ความเป็นอยู่ของสัตว์ ดูอย่างในรูปนี้ ด้านหลังช้างเดินได้สบายๆ มีบ่อน้ำให้ช้างเล่นน้ำ มีที่ให้
ยืนหลบแดดหลบฝน
นั่งดูน้องช้างอยู่นาน จะบอกว่ามีตัวนึงคันเท้า ช้างตัวนั้นก็ใช้งวงหยิบเศษไม้อันเล็กๆขึ้นมา
แล้วก็ใช้เศษไม้เกาๆๆๆตรงเท้าที่คัน ฉลาดมาก น่ารักมากๆด้วย
เสร็จแล้วก็มาถึงสิ่งที่อยากดูม๊ากกกกก..สิงโตนั่นเอง!! Lion King ของออน
นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ออนเห็นสิงโต ตื่นเต้นมากก นอนนิ่งและชิวสุดๆ
ขอ Selfie แบบเห็นด้านข้างกับพี่สิงโตซักนิดนึง
ตัวนี้มันคือตัวอะไร? ตระกูลเดียวกับลามะรึเปล่า? นอนกันหมดเลย น่ารัก
มาแล้วววว … Meerkat กับท่าที่เป็นเอกลักษณ์มาก
Meerkat จะวิ่งเร็วมาก แถมเวลาที่ตัวอืนๆขุดหลุมอยู่ จะมีตัวนึงที่คอยดูต้นทางให้แบบนี้
จะนั่งแบบในรูป หรือบางทีก็ยืนเลย
ระหว่างทางที่เดินมาเค้าก็จะมีป้ายบอกทางตลอดว่าเราเลี้ยวซ้ายเจออะไร เลี้ยวขวาเจออะไร
เพราะสวนสัตว์ใหญ่มาก ต้องพกแผนที่ของสวนสัตว์ติดตัวไว้ จะได้รู้ว่าเราอยู่ไหน และเวลาจะไป
ดูอะไรจะได้เดินง่ายๆ รวมถึงจุดพักห้องน้ำด้วย
มาถึงแล้ววว หลินปิง หลินฮุ่ย เวอร์ชั่น America
อันนี้เป็นลูกแพนด้าที่แยกกับแม่แล้ว เพราะเมื่อลูกแพนด้าอายุเกิน 16 เดือน แม่แพนด้า
จะไม่เอาลูกอีกต่อไป เพราะกลัวว่าจะไปแย่งคู่หรือแย่งอะไรซักอย่าง แอบจำไม่ได้ คือแพนด้า
นั่งชิวมาก และก็กินอย่างเดียว คิวที่จะเข้ามาดูแพนด้านี่นานเหมือนกัน ต้องต่อแถวค่อยๆเดินเข้ามา
เพราะคนมาดูเยอะมากจริงๆ
มาถึงบ่อฮิปโปแล้วววว ขอ Selfie กับฮิปโปหน่อย
คือรูจมูกพี่ฮิปโปใหญ่มากกกกกกกจริงๆ
ลองถ่ายแบบใกล้ๆ ตอนฮิปโปอยู่ใต้น้ำ เอิบ ฟันใหญ่มากกกก
แต่น้ำตาปี๋เลย คือน้ำในบ่อฮิปโปที่นี่สะอาดมาก เพราะปีก่อนไปสวนสัตว์เขาดิน
แล้วเวลาฮิปโปอยู่ในน้ำ ออนมองไม่เห็นเลย น้ำดำคลั่ก
นี่คือลิงหรือชะนี จำไม่ได้ แต่โหนเก่งมากกกกก โชว์โม๊ะพอดิบพอดี
ที่นี่มีลิงเยอะมาก หลายประเภทเลย แต่ไม่ได้ถ่ายมาทั้งหมด เพราะบางตัวถ่ายไม่ทัน
เดินจนเหนื่อย ก็เลยขอพักกิน Kona Ice
จะบอกว่าที่นี่ระหว่างทางจะมีจุดพักเข้าห้องน้ำ จุดพักกินอาหาร จุดขายของที่ระลึกตลอด
อันนี้เป็นน้ำแข็งใสแบบบ้านเรา แค่ไฮโซขึ้นมา เพราะสามารถเลือกใส่น้ำหวานเองได้ตามที่
ต้องการ จะผสม 10 รสก็ได้ แต่ราคาไม่น่ารักเหมือนที่บ้านเราเลย เศร้า
จะกินละนะะะะะ ดูจากปากที่อ้ากว้างมากกกกก
หลังจากเดินดูสัตว์ต่างๆแล้วก็มาดู 4D Theater ค่ะ
จริงๆจะบอกว่าที่สวนสัตว์มีสัตว์หลายร้อยชนิดเลย ทั้งสัตว์ป่า สัตว์ใหญ่ สัตว์น้ำ สัตว์เลื้อยคลาน
แมลงต่างๆ แต่ออนไม่ได้ถ่ายรูปมาหมด ที่สำคัญมีกระเช้าลอยฟ้าให้นั่งจากต้นทางสวนสัตว์
ขึ้นไปข้างบนสุดของสวนสัตว์ด้วย กระเช้าลอยฟ้าฟรี เพราะราคารวมอยู่ใน 1-Day Ticket แล้ว
ไม่อย่างนั้นจะเสียครั้งละ $4
โรงหนัง 4D ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก จุคนได้ประมาณ 30 คน แต่แอร์เย็นมากกกก
จะมีทั้งหมด 2 โรงให้เลือกดู ระหว่าง Ice Age กับ Rio หลังจากที่ลองอ่านรีวิวมา คนบอกว่า
Ice Age ไม่ค่อยสนุก ออนเลยเลือกดู Rio และก็ประทับใจจริงๆ มีทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งเก้าอี้ขยับ
ทั้งน้ำกระเด็น สนุกดี ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีได้
หลังจากออกมาจากสวนสัตว์ประมาณบ่าย 3 โมง ก็แวะไป Seaport Village
เมืองเล็กๆที่ตกแต่งน่ารัก น่าถ่ายรูป มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย และอยู่ติดทะเล
เหมาะกับคนที่มีแฟน มามุ้งมิ้งกัน หรือจะพากันมาแบบครอบครัวก็ได้
เดินตรงดิ่งเข้ามาที่ร้านนี้ Sinfulicious คือมันดูน่ารักมากกกกก
พอเข้ามาร้านนี้จะขายพวก Body Care ที่เราผสมได้เอง โดยการเลือกกลิ่น เลือกสี
แล้วเค้าก็จะผสมสดๆให้ดูกันเลย คือมันเริ่ดนะ
ตรงนี้คือบาร์สำหรับเลือกกลื่น มีเยอะมากกกกก
ออนกำลังเลือกอยู่ว่าจะเอาอะไรดี หลักๆในร้านเค้าจะขาย body scrub, hand cream,
body lotion, lips scrub ออนเลยตัดสินใจเลือกบอดี้โลชั่นขนาดพกพา กับลิปสครับ
ปรุงกันสดๆตรงหน้าเลย ในรูปเค้ากำลังจะผสม lip scrub ของออนค่ะ
ออนเลือกกลิ่น Raspberry
ผสมเสร็จแล้วก็ปาดใส่กระปุก สวยงาม กลิ่นหอมด้วย
ในรูปเค้ากำลังผสม body scrub ของคนอื่นอยู่ เลยแอบถ่ายมา สีสวยงามมาก
บรรยากาศร้านภายใน ตกแต่งน่ารัก และสบายตามาก
มาถ่ายกับน้ำพุซะหน่อย ตั้งอยู่ตรงกลางเลย
ด้านข้างตรงนี้จะเป็นพวกร้านอาหาซะเยอะ และติดทะเล มีวิวสวย สามารถมาเดินเล่นได้
เสร็จแล้วก็เข้ามา Downtown San Diego เพื่อมากิน Lou & Mickey’s
ร้านอาหาร Seafood & Steakhouse ที่เปิดบริการมากว่า 70 ปี ที่สำคัญถ้าใครเป็นติ่ง
The Heirs จะจำได้กับ “ร้านแพนเค้กที่ Melrose Avenue” สถานที่ๆพระเอก นางเอก
นางร้าย และพระรองมาเจอกันและกินอาหารกันตอนอยู่อเมริกา คือเอาจริงๆมันไม่ใช่ร้านแพนเค้ก
มันไม่ได้อยู่ Melrose Avenue แต่มันอยู่ San Diego จบมั้ย
สั่งมาจัดเต็มมีทั้ง Seafood และ Steak
ที่สั่งมาก็คือ Uni (ไข่หอยเม่น), Oysters, Medium Rare Steak และ Deep fried calamari
อาหารโดยรวมสด และอร่อย สเต็กเนื้อนุ่ม กินกัน 2 คนหมดเกลี้ยง
แต่คิดหรอว่าจำอิ่ม? ไหนๆมาแล้วก็ขอลองกินอีกซักร้านละกัน .. เลยเปิด Yelp หา
ร้านอาหารญี่ปุ่นเอา อยากกินซูชิ เพราะที่ San Diego เป็นแหล่งเพาะ uni หรือหอยเม่นโดยเฉพาะ
ดังนั้นหอยเม่นที่นี่ต้องสดมากแน่ๆ เลยหาร้านซูชิที่มีรีวิวดีๆใน Gaslamp และเดินไปกิน
มาถึงแล้วววว ร้าน Taka บาร์ยาวมากก นั่งได้เป็นสิบคนเลย
ที่สำคัญที่นี่ใช้เชฟญี่ปุ่นทั้งหมด ตอนมาคนยังไม่ค่อยเยอะ นั่งไปไม่เท่าไหร่ คนเยอะมาก
ต้องยืนรอเข้าคิวกันหน้าร้านเลย อุต๊ะ โชคดีมากจริงๆ
และสุดท้ายก็ฟินจริงๆกับ Uni คำหนาๆ โปะบนข้าวแบบไม่มีสาหร่ายพัน
คือหวาน มัน อร่อยมาก ไม่คาวเลย ไม่ต้องจิ้มโซยุอะไรทั้งสิ้น กินเปล่าๆกับข้าวนี่แบบโอ้ยย ตาย
จริงๆสั่งซูชิอื่นๆมาอีกหลายอย่างเหมือนกัน แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าไหร่ มีแต่ Uni เนี่ยแหละที่เด็ด
วันนี้ก็จบไปแล้วนะคะกับทริปไป San Diego ของออนกับพี่โต้
ขอบอกว่าเป็นเมืองที่น่าไปมาก แนะนำเลย มีหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะ San Diego Zoo, Sea World,
Lego Land, Seaport Village, Downtown San Diego แต่ถ้าคนชอบเที่ยว ชอบดื่มหรือจะตื๊ด พี่โต้
แนะนำให้ไป Pacific Beach ค่ะ มีแต่ผับให้ตื๊ดกันตอนกลางคืน
เจอกันใหม่คราวหน้านะคะ
สวัสดีค่า