สวัสดีค่ะ
ไม่ได้เขียน Review เกี่ยวกับร้านอาหารมาซักพัก วันนี้ก็กลับมาพร้อมกับ Review
ที่ร้าน Vertigo ที่นั่น ไปร้านนี้มาได้ซักเดือนกว่าแล้ว แล้วก็ลืมไปเลย ทั้งๆที่ถ่ายรูป และทำรูปไว้
เตรียมทำ Review คราวนี้ออนไปกับเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย ช่วงคริสต์มาสกัน เป็นเหมือน
Pre-Christmas Dinner เล็กๆ
Vertigo เป็นร้านอาหาร Rooftop บนชั้น 61 ของโรงแรม Banyantree ตรงสาทร
ต้องขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 59 และเดินต่อขึ้นไปอีก 2 ชั้น และเมื่อถึงร้านอาหารก็จะมีบันไดด้านข้าง
ให้เดินขึ้นไปอีกที ไม่แนะนำให้พาผู้ใหญ่มา หรือคนที่ขาไม่แข็งแรง กลัวความสูงมากๆ
เนื่องจากว่าขึ้นไปถึงตั้งแต่ตอนเกือบๆทุ่ม ยังไม่มีใครมาเลย เลยได้ถ่ายรูปบรรยากาศ
ในร้านตอนไม่มีคน ตอนโต๊ะว่างๆมาให้ดู
ใครที่พกพล้องไป สามารถให้พนักงานช่วยปรับโหมดของแสงได้ค่ะ เพราะออนใช้
G12 พนักงานที่นี่ จะมี 1 คน ที่ปรับโหมดกล้องเป็น เลยลองมาถ่ายรูปวิวให้ดูกัน
ออนเป็นคนชอบร้านอาหารแบบ Rooftop อยู่แล้ว ดังนั้นร้านนี้จึงเป็นร้านโปรดเลย
บรรยากาศดีจริงๆ
ลองถ่ายวิวร้านอาหารทั้งหมดให้ดู เหมือนทานอาหารอยู่บนฟ้าเลยจริงๆ
วันนั้นเป็นวันพฤหัส คนเยอะมาก จนงง เพราะเต็มทุกโต๊ะเลย
ซักพักเพื่อนๆทยอยมากัน ก็เลยเริ่มสั่งอาหาร หลังจากสั่งอาหารเสร็จ
ก็จะมีของว่างมาให้ทานในแก้วเล็กๆ เป็นปลาหมึกทอด คลุกกับซอสอะไรซักอย่าง
อร่อยใช้ได้ค่ะ
ส่วน Cocktail ที่สั่งมาก็เป็น Signature Cocktail ของที่นั่นเลย จำชื่อไม่ได้แล้วว่าอะไร
น่าจะเป็นชื่ออะไรซักอย่างที่ขึ้นต้นด้วย Vertigo เหมาะสำหรับคนชอบดื่ม Cocktail หวานๆ สบายๆ
ไม่เน้นแอลกอฮอลล์เยอะ รสจะอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ไม่ขม
ซักพักสเต็กที่สั่งก็มาเป็นสเต็ก Australian Wagyu ความสุกเป็นแบบ Medium rare
จริงๆซอสที่ให้มาจะเป็นซอสพริกไทยดำ แต่ว่าออนไม่ทานพริกไทย เลยขอเป็น Mushroom Sauce
มาแทน เนื้อนิ่มใช้ได้ ปริมาณค่อนข้างเยอะ ทานหมดก็อิ่มพอดี
โชคดีที่ออนกับเพื่อนบางส่วนไปถึงก่อน ทำให้อาหารมาเร็วมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน
เพื่อนที่มาทีหลัง รออาหารชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว กว่าจะได้ทานคือสี่ทุ่ม ซึ่งค่อนข้างหงุดหงิดกับการ
บริการ เพราะต่อให้คนเยอะแค่ไหน อาหารก็ไม่ควรรอนานถึงชั่วโมงกว่าๆ และที่สำคัญสั่งไปครึ่งชั่วโมง
แล้ว พนักงานเพิ่งมาถามอีกครั้งว่าสรุปสั่งจานนี้ๆใช่มั้ย ซึ่งจริงๆครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ควรจะไปเตรียม
อาหารออกมาแล้วมากกว่า ซักพักทางพนักงานเลยเอา French fries มาเสิร์ฟให้เป็นการขอโทษที่ทำให้
อาหารรอนาน แต่พนักงานก็พูดว่า French fries ที่นำมาเสิร์ฟให้ ไม่มีในเมนู แต่ว่าเสิร์ฟให้เอง
จริงๆไม่ต้องบอกแบบนั้นก็ได้ เพราะออนมองว่าร้านอาหารขนาดนี้ ควรจะทำอะไรได้มากกว่า
นี้ด้วยซ้ำ และไม่จำเป็นต้องมาบอกลูกค้าเหมือนว่าให้เป็นการขอโทษขนาดนั้น และย้ำหลายๆครั้ง
ว่าไม่มีในเมนู แต่เสิร์ฟให้ .. สั่งอาหารตอนสองทุ่มกว่าได้ทานตอน 4 ทุ่ม มันเกินไปนิดนึง
ออนกับเพื่อนกลุ่มแรกทานกันเสร็จไปถึงของหวานแล้ว
ในขณะที่เพื่อนกลุ่มที่สองยังไม่ได้อาหารคาวเลย
เลยไปเดินเล่นถ่ายรูปรอกัน ร้านนี้เหมาะสำหรับคนชอบทานบรรยากาศมากๆ
หรือมาในโอกาสพิเศษกับครอบครัว วันครบรอบ คนพิเศษ หรือโอกาสพิเศษ
ไอศกรีมที่สั่งมาเป็นรสที่แปลกและยังไม่เคยลองคือรส Mascapone หรือรสชีสนั่นเอง
ลองชิมแล้วก็อร่อย ไม่เลี่ยนมาก แต่ทานได้แค่ลูกเดียว ยังดีที่ในถ้วยมีผลไม้ใส่มาให้ด้วย
ทำให้รสกำลังโอเค หวานๆ เปรี้ยวๆ ปนๆกันไป
ถ่ายรูปรวมกับเพื่อนๆ ระหว่างรอเช็คบิล ซึ่งรอเช็คบิลก็นานมากอีกเช่นกัน
รอประมาณครึ่งชั่วโมงได้ และที่น่าหงุดหงิดอีกเรื่องคือ .. เครื่องบอกว่าไม่สามารถรูดบัตรบางบัตร
ผ่านได้ ทั้งๆที่วงเกินในบัตรเหลือเกิน และสามารถใช้รูดที่อื่นได้ ..
สรุปแล้วประทับใจกับบรรยากาศที่สุด อาหารถือว่าโอเค บริการไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
ยิ่งช่วงหลังๆ เหมือนเป็น Tourist attraction มากขึ้น ทำให้เสียงดัง ไม่มีความเป็นส่วนตัว
เหมือนแต่ก่อนเท่าไหร่ แต่ถ้าเราไปกับกลุ่มเพื่อน เน้นความสุขของเรา ก็ถือว่าโอเคค่ะ
Disclaimer : การเขียนบล็อกครั้งนี้เป็นการ Review ร้านอาหารที่ไปทานมา ให้ผู้อ่านที่สนใจ
ในการทานอาหาร หรือกำลังมองหาร้านอาหารประเภทนี้อ่าน ไม่ใช่จุดประสงค์ในการอวด หรืออะไรทั้งสิ้น
เพราะมีไม่น้อย ที่ชอบทานบรรยากาศ หรือหาร้านพิเศษสำหรับโอกาสพิเศษค่ะ
Dress Code : ห้ามใส่ขาสั้น และรองเท้าแตะไป คือแต่งอะไรที่ดูโอเคนิดนึงค่ะ
ขอบคุณค่ะ