สวัสดีค่าสาวๆทุกคน
วันนี้มาเขียน Blog ให้อ่านกันอีกแล้ว ช่วงนี้เหลือเวลาประมาณ 3 เดือนนิ๊ดๆๆ
ก่อนที่ออนจะบินไปเรียนต่อที่เมกา ออนเลยพยายามเขียน Blog เยอะๆหน่อย เดี๋ยวจะ
ลืมกันซะก่อน ฮ่าๆ วันนี้จะมา Review เกี่ยวกับร้านทำผมค่ะ เนื่องจากออนยังไม่
เคย Review เกี่ยวกับร้านทำผมไว้เลย เพราะช่วงปีกว่าๆที่ผ่านมา แทบไม่ได้
ทำอะไรกับสีผมเลย คือทุก 3 เดือนจะเล็มปลายผม และเป็นคนบำรุงผมเองที่บ้านอยู่
แล้ว ทำให้ไม่ได้เข้าร้านทำผมดีๆที่ไหน ส่วนมากเข้าร้านหน้าบ้าน (เอาตามความ
จริงคือแอบงก ฮ่าๆ)
จนกระทั่งทาง Prestige Hair Salon ได้ติดต่อมา ว่าอยากให้ออนไปทดลอง
ทำผมที่ร้านดู เพราะออนเป็นคนที่ผมยาว กำลังอยากเล็มให้เข้าทรง และกำลังมอง
หาทรีทเมนท์ดีๆ ที่ทำครั้งเดียวแล้วเห็นผลจริงๆ (ไม่ใช่เหมือนกับว่าทำเสร็จ อบไอน้ำ
ลื่นอยู่แป้บเดียว วันรุ่งขึ้นผมแห้ง เสียเหมือนเดิม ออนรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม ทั้งนี้ทั้งนั้น
เราต้องดูแลผมเรามาก่อนอยู่แล้วด้วยค่ะ ไม่ใช่เสียระดับสุดท้าย แล้วคิดว่า
ทำทรีทเมนท์ดีๆครั้งเดียว ผมจะหายสนิท กลับมานุ่มสลวยเหมือนเดิม)
ซึ่ง Prestige Hair Salon มีทั้งหมด 3 สาขาค่ะ
– สาขาทองหล่อ 13
– สาขาหลังสวน
– สาขาสุขุมวิท 33
(ซึ่งสาขานี้จะแตกต่างจากสาขาอื่นคือ เป็นบ้านส่วนตัวค่ะ และมีห้องทำผม
ที่ทำได้แค่ 2-3 คนเท่านั้น ให้ความเป็นส่วนตัว บวกกับเป็นสาขาที่ให้บริการเกี่ยว
กับพวกนวด โปรแกรมรักษาต่างๆ ขอบอกว่าบ้านสวยมากค่ะ แต่เดี๋ยวสาขานี้
จะย้ายมาเปิดตรงเอกมัยแทนค่ะ)
อาจาร์ยุน คือเจ้าของและ Hair Stylist ชื่อดังค่ะ อาจารย์ยุนเป็นคนเกาหลี
และเคยได้ทำผมให้กับดารา นักร้องเกาหลีมาหลายคนแล้ว ตื่นเต้นมาก ไม่เคยได้ทำกับ
ช่างตัดผมที่มีชื่อเสียงขนาดนี้มาก่อน อาจาร์ยุนยังหนุ่มมาก สิ่งที่ชอบในตัวอาจารย์คือ
เวลาอาจารย์ดูสภาพผม ดูรูปหน้าเรา อาจจะจะแนะนำว่าควรทำแบบไหน และไม่ควร
ทำแบบไหน เพื่อให้เรารู้ว่ารูปหน้าเรา เข้ากับการตัดผมแบบไหน
สมมติว่ารูปหน้าออนเหมาะกับผมยาว ม้วน ไม่ตัดหน้าม้า แต่ออนยืนยันว่า
ออนต้องการผมสั้น บ๊อบเท หน้าม้าปาด อาจารย์ก็จะแนะนำว่ามันไม่เข้านะ เพราะรูปหน้า
เรากลม เราควรไว้ผมยาวแบบนี้ ม้วนผมลอนสวยกว่า แต่ถ้าเรายังยืนยัน อาจารย์ก็
จะทำตามเราค่ะ เพียงแต่อาจารย์จะเตือนเราและแนะนำเราตอนแรกเท่านั้น ไม่ใช่
ว่าเราบอกอะไรปุ้บ แล้วอาจารย์ทำตามเลย
ครั้งนี้ออนมาตัดปลายผมนิดหน่อยค่ะ และเพิ่มเลเยอร์ให้กับผม
เพื่อให้เวลาม้วนผมแล้ว ผมดูเป็นลอนมากขึ้น ดูมี volume มากขึ้นค่ะ
พอเสร็จแล้ว ออนก็จะตามด้วยการทำทรีทเมนท์ผม
วันนี้เลือกแบบ “Korea Treatment” ค่ะ ซึ่งเป็นทรีทเมนท์ผมที่ทางร้านแนะนำ
บอกว่าดีสุด (และแน่นอนว่าแพงสุดด้วยค่ะ) โดยทรีทเมนท์ที่นี่จะเน้นใช้พวกผลิตภัณฑ์
ที่มาจากธรรมชาติ เพื่อผลที่ดีที่สุดกับเส้นผม บวกกับผลิตภัณฑ์จะเป็นของเกาหลี เป็นของ
ทางร้านเลย ไม่ได้ใช้แบรนด์ที่ขายตามท้องตลาด หรือแบรนด์ฝรั่งตามร้านทำผมค่ะ
(แอบนอกเรื่อง ระหว่างทำทรีทเมนท์แฮ๊ปปี้มาก เพราะมี F4 เวอร์ชั่นเกาหลีให้ดู
นั่งดูเพลินเลย ตาจ้องทีวีไม่กระพริบ ฮ่าๆ)
ซึ่งทรีทเมนท์ขั้นตอนจะมี 3 สเต็ปค่ะ
1. ใส่ม๊อยเจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น และอบเข้าเครื่อง
2. ใส่โปรตีนเพื่อบำรุงผมให้แข็งแรง และอบเข้าเครื่อง
3. ใส่สารอาหารที่เป็นไขมัน เพื่อให้ผมเงางาม มีน้ำหนัก และอบเข้าเครื่อง
อาจาร์ยุนบอกว่าปกติทั่วๆไปที่คนเจอมาคือ ทำทรีทเมนท์รอบแรกเสร็จแล้ว
ผมนิ่มมาก แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็เสียเหมือนเดิม เพราะทรีทเมนท์ไม่ได้เข้าไปใน
เส้นผม 100% แต่ที่ Prestige คือทำเสร็จครั้งแรกจะเฉยๆ พอสระครั้งที่ 1 สระครั้งที่ 2
และต่อไปเรื่อยๆ จะรู้สึกเลยว่าผมนิ่มขึ้น มีน้ำหนักขึ้น เงางามขึ้น
ซึ่งตรงนี้ต้องบอกอีกครั้งว่าถ้าผมเสียมากจริงๆ การทำทรีทเมนท์ที่จะให้เห็นผล
ชัดๆอาจจะต้องมากกว่า 1 ครั้ง แต่ออนเป็นคนบำรุงผม ดูแลผมตลอดอยู่แล้ว ทำให้
ทำทรีทเมนท์ที่นี่ครั้งเดียว แล้วเห็นผลชัดเลย
อันนี้คือขั้นตอนการทำค่ะ จะมีผู้ช่วยมาช่วย ซึ่ง Korea Treatment จะทำให้
สารบำรุงต่างๆถูกผลักเข้าผมเราได้ 100% เลย หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ก็ไปเป่าผม
ไดร์ผมเรียบร้อยค่ะ เน้นไดร์พริ้วๆง่ายๆ ออกมาเป็นแบบนี้ค่า
ความยาวผมยังเท่าเดิม แต่ผมดูเงางามขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น นิ่มขึ้น
ตอนแรกยังไม่ได้รู้สึกมาก แต่ตอนนี้ผ่านมา 2-3 อาทิตย์แล้ว ยังรู้สึกเลยว่า
ผมนิ่มขึ้น มีน้ำหนักขึ้นทุกครั้งอย่างที่อาจารย์บอกจริงๆ ยิ่งสระ ยิ่งนิ่ม ยิ่งเงางาม
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูแล บำรุงควบคู่ในชีวิตประจำวันไปด้วยนะคะ
ตอนนี้มีความสุขกับผมตัวเองจริงๆ
ต้องขอขอบคุณอาจารย์ยุน คุณเปิ้ล และ Prestige Hair Salon สำหรับโอกาสดีๆ
แบบนี้ค่ะ ประทับใจมากๆค่ะ ชอบบ้านมากๆด้วย สวยมาก ส่วนตัวมากๆเลย
สำหรับราคา
ตัดผม (กับอาจารย์ยุน) = 1,500 บาท
(ตัดกับช่าง Hajin) = 1,000 บาท
Korea Treatment = 3,000 บาท
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ywellnessandsalon.com/
http://www.prestige-hair.com/index.html
หรือ Facebook
ขอบคุณมากๆค่ะ
ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะ