สวัสดึค่ะ
วันนี้จะกลับมา Review ไอเท็มน่ารักๆอีก 1 ไอเท็มของออนนะคะ
ซึ่งก็คือ Beautilicious La Vie En Rose เป็น Duo Blush On ที่มาในสีชมพู และสีส้มพีชนั่นเอง
เป็นบลัชออนรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานจากเครื่องสำอางค์น้องใหม่ ราคาน่ารัก แพ๊คเกจจิ้งเจ้าหญิงแต่คุณภาพเกิน
ตัวอย่าง Beautilicious นั่นเอง ซึ่งเรียกว่าเป็นไอเท็มที่ค่อนข้างครบ และเหมาะแก่การพกพาเป็นอย่างมาก
เพราะหลายๆคนมักจะปัดแก้มด้วยสีชมพูในตอนกลางวัน แล้วเวลากลางคืน ก็อาจจะเพิ่มสีพีชเข้าไปให้
ใบหน้าดูแตกต่างออกไปบ้าง
ออนได้บลัชตัวนี้มาตั้งแต่ก่อนไปเซี่ยงไฮ้แล้ว และได้เอาไปใช้ที่เซี่ยงไฮ้ด้วย
เพราะค่อนข้างสะดวก จะกลางวัน กลางคืน ก็พกตลับเดียว พูดมาเยอะแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าหน้าตาเป็นยังไง
หน้าตาเป็นแบบนี้บลัชออนตัวจริงจะอยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นกล่องกระดาษที่ใส่มาให้
ซึ่งยี่ห้อนี้จะทำอย่างนี้เสมอคือกล่องกระดาษกับตัวสินค้าจะหน้าตาเหมือนกัน
ซูมให้ดูหน้าตาชัดๆ แพ๊คเกจจิ้งให้อารมณ์ความหรูหรา อ่อนโยน อ่อนหวาน
ในสไตล์ของ Parisian นั่นเอง เพราะก็มีเขียนอยู่ชัดเจนว่า Parisian Passion บวกกับรุปหอ Eiffel
หรือ Eiffel Tower สัญลักษณ์ของ Paris นั่นเอง
ตลับด้านในจะเป็นแบบนี้ค่ะ จะมี make-up intruction ให้เหมือนเดิม สำหรับมือใหม่ว่าควรจะแต่ง
ยังไง พร้อมกับรูปเพิ่มความสวยงาม ส่วนบลัชออนจะแบ่งเป็น 2 ช่อง
ช่องด้านซ้ายจะเป็นสีชมพู ที่ไม่ได้เป็นชมพูตุ๊กตา แต่เป็นเหมือนกับสีชมพูระเรื่อๆจากกลีบดอกกุหลาบ
ซึ่งสีชมพูจะอยู่ภายใต้ชื่อ ” Marquis de Vivens ” นั่นเอง ส่วนด้านขวามือจะเป็นสีพีชของดอกกุหลาบ
” Prestige de Lyon ” ซึ่งสีนี้จะมีชิมเม่อร์อ่อนๆละเอียดๆมากกว่าตัวสีชมพูกุหลาบ
ซูมสีกันให้ดูใกล้ๆ จะสังเกตุได้ว่าสีพีชจะมีชิมเม่อร์วิ้งกว่าจริงๆ แต่จะเป็นชิมเม่อร์เม็ดเล็ก
ซึ่งเวลาปัดจะไม่ไปเน้นให้คนที่มีรูขุมขนกว้าง ดูกว้างขึ้นไปกว่าเดิม และหน้าจะไม่ดูมันไปกว่าเดิม
ส่วนสีชมพูจะไม่ถึงกับด้าน แต่ก็จะมีวิ้งละเอียดมากๆ
เปรียบเทียบสีให้ดู ว่าสีชมพูสีเหมือนกลีบดอกกุหลาบจริงๆ ส่วนสีพีชจะอ่อนกว่าเล็กๆ
ในรุปนี้ออนปัดสีชมพูก่อนประมาณ 4 ครั้ง ( ปัดไป-ปัดมา ) แล้วทับด้วยสีพีช 2 ครั้ง ( ปัดไป-ปัดมา )
โดยลงน้ำหนักมือในระดับนึง สีที่ได้จะดูมีความวาวๆ แต่ก็จะเห็นเม็ดสีที่ชัดเจนมากกว่าบลัชออน
แบรนด์ญี่ปุ่นหลายๆแบรนด์ ที่เน้นความวาวใส แต่ไม่เน้นเม็ดสี
รูปนี้จะเห็นสีชัดๆขึ้นมานิดนึง ออนว่าสีเข้าได้กับหลายๆคนเลยทีเดียว เพราะสีไม่ชมพูตุ๊กตาเกินไป
คนที่ผิวเหลือง หรือผิวสีน้ำผึ้งก็สามารถปัดได้ ที่สำคัญสามารถผสมสีปรับเปลี่ยนความเข้ม
ความอ่อนได้ว่าอยากได้สีโทนชมพูมากกว่า หรือสีส้มมากกว่า
ถ้าพูดถึงความติดทน .. ออนว่าติดทนมากค่ะ เพราะว่าแต่งหน้าไปเที่ยวตอนสองสามทุ่มที่เซี่ยงไฮ้
ออกจากห้องก็เดินไปเรียกแท็กซี่กับเพื่อน ก็จะเจอลมหนาวๆปนชื้นๆพัดประมาณ 10 นาที ขึ้นแท็กซี่
ที่นั่นก็จะไม่เปิดแอร์ แต่เปิดกระจก ก็จะเป็นลมพัดเยอะๆ ประมาณอีก 10 นาที หลังจากนั้นก็เจอทั้งแอร์
ทั้งคนเยอะๆ เจอเหงื่อ เจอน้ำ ( ที่ใครไม่รู้สะบัด/สาดมาโดยบังเอิญตอนเดิน ) แต่กลับถึงบ้านตอน
ตีสามตีสี่ สีก็ยังติดอยู่ ไม่ได้หลุดไปซะหมด ถือว่าทนเลยทีเดียว เพราะออนไม่ได้ทารองพื้นด้วย