สวัสดีค่า
Blog นี้มาช้า แต่มาชัวร์นะคะ
เพราะวันนี้ออนจะมา Review ที่ออนได้ไปแก้จมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
และเสริมคางกับคุณหมอนพรัตน์มาค่ะ หลายๆคนที่เคยเห็นหน้าออน หรือเคยอ่าน Blog
มาก่อน จะจำกันได้ว่า “ออนทำจมูกกับคุณหมอนพรัตน์” ทำมาได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว
(อ่าน Blog ทำจมูกกับคุณหมอนพรัตน์)
ซึ่งตอนนั้นที่ทำคือใช้ซีลีโคนปกติทั่วไป จริงๆคุณหมอถามแต่แรกแล้วว่าจะ
ทำแบบกระดูกอ่อนหลังหูมั้ย เนื่องจากเนื้อปลายจมูกออนน้อยมาก ถ้าทำมา..ปลายจะ
ไม่เป็นหยดน้ำเท่าไหร่ ฝืนได้ไม่มาก ไม่งั้นโอกาสทะลุมีสูง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นรู้สึกว่า
การใช้กระดูกอ่อนหลังหูมันไกลตัว มันดูน่ากลัว มันดูเยอะสิ่ง บวกกับการที่เก็บเงินมา
หลายเดือน และรอคิวทำมาอีกครึ่งปี (ที่บ้านไม่สนับสนุนนะคะ อยากทำเก็บเงินเองค่ะ)
เลยตัดสินใจว่าทำแบบซีลีโคนไป ซึ่งออนชอบและชอบมากกกกกับจมูกของออนนะคะ
ไม่ได้ไม่ชอบเลย ใครเจอก็ทักว่าสวยขึ้น หน้าดูคม เรียว เข้ารูปมากขึ้น ต่างจากตอนไม่มีจมูก
อย่างรูปนี้คือรูปตอน Year 12 (อายุ 17-18) กับรูปด้านขวาคือรูปตอนอายุ 24
ศัลยกรรมที่ทำอย่างเดียวในรูปคือ “จมูก” นอกนั้นมีฉีด Botox ปีละครั้ง และเคยฉีด
Meso เมื่อนานมากแล้ว (และปัจจุบันไม่ได้ฉีดมาหลายปีมาก) ด้วยการที่เราดูแลตัวเอง
หัดบำรุงผิว แต่งหน้า แต่งตัว บวกกับเพิ่มนิดๆหน่อยๆ มันก็ดูแตกต่างขึ้นมาได้
แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้ากลม และมีแก้ม
เวลาถ่ายรูปหน้าตรงๆ ไม่หามุม ไม่เอียงหน้า เอียงหัว หน้าจะค่อนข้างใหญ่
เวลาถ่ายงานพวก Photoshoot อะไร จะถ่ายค่อนข้างยาก เหมือนหน้าไม่เข้าที่
ยิ่งเข้ากล้องก็ยิ่งบาน เลยเริ่มนั่งวิเคราะห์หน้าตัวเอง
จนกระทั่งได้มีโอกาสไปทำการวิเคราะห์รูปหน้ากับสถาบันความงามที่นึง (ขอไม่เอ่ยนาม)
เป็นการวิเคราะห์แบบ 360 องศา ทำให้เห็นรูปหน้าชัดมาก ชัดแบบไม่หลบมุมใดๆ และรู้ว่า
ช่วงหน้าผาก กับกึ่งกลางของหน้าออน มีความยาวเท่ากัน แต่ช่วงบริเวณค้างสั้นกว่าส่วนอื่น
ทำให้ความยาวของหน้ามันไม่เป็น 1 : 1 : 1
ออนเลยได้ไปปรึกษาคุณหมอนพรัตน์ คราวนี้ไม่ใช่ที่สมิติเวชเหมือนครั้งก่อน
เพราะคุณหมอได้มาเปิดคลีนิกของตัวเองแล้วกับ “คลินิกศัลยกรรมตกแต่งนพรัตน์”
อยู่ตรงถนนพระราม 9 ซอย 57 ค่ะ (เลย The Nine มาไม่เยอะ) แต่พูดเลยว่า
สถานที่ใหญ่ สวย สะอาด ดูดีแบบโรงพยาบาล 5 ดาวเลย (ห้องผ่าก็ขนาดมาตรฐาน
โรงพยาบาล ไม่ใช่น่ากลัวๆนะคะ)
ด้วยความที่รู้จักกับคุณหมอ
อยู่แล้ว เลยคุยกันง่าย ถูกคอ และมั่นใจเหมือนเดิม ว่าคุณหมอรู้ว่าออนชอบแนวแบบไหน
และอะไรที่เหมาะกับออน ที่สำคัญคือต้องยึดความปลอดภัยไว้ให้มากที่สุด
ปรึกษาไปมา..สรุปเลยทำ
1. แก้จมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
เพราะการใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมปลาย เหมาะสำหรับคนที่ปลายจมูกมีเนื้อน้อย
และอยากได้ทรงหยดน้ำ การใช้ปลายกระดูกอ่อนมาเสริม จะช่วยลดการตึง หรือโอกาส
ที่จมูกจะทะลุแบบใช้ซีลีโคนได้มากขึ้น
*ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีอะไร 100% นะคะ ขึ้นอยู่กับการดูแลและปัจจัยอื่นๆด้วย*
2. เสริมคาง
ใช้เป็นซีลีโคนเสริมคางเอา โดยคุณหมอเลือกซีลีโคน Size M ให้ค่ะ
ความยาวประมาณ 1 ซม. ได้) โดยคุณหมอเน้นย้ำเสมอว่าการเสริมคางไม่ได้
เพื่อให้ใบหน้ายาว แต่เพื่อให้ใบหน้าของออนสมส่วน เข้ารูป ดูสัดส่วนเสมอกัน
โดยรวมหน้าจะดูเรียวขึ้น ละมุนขึ้น แต่ไม่ได้ดูปลอม
รูปนี้คือหลังแก้จมูกได้ประมาณ 1 เดือนกว่า และทำคางได้ประมาณ 2 อาทิตย์
จะเห็นว่าจมูกเริ่มมีปลายมากขึ้น ปลายดูงุ้มลง มีหยดน้ำมากขึ้น ส่วนคางยังบวมเล็กน้อย
แต่โดยรวมก็ดูแทบไม่ออก
เวลาแต่งหน้าเบาๆใสๆ ส่วนตัวดูไม่ค่อยออกว่าแตกต่างมากมั้ย
เพราะส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน แต่คนที่ไม่ได้เจอกันซักพัก หรือไม่ได้เจอกันนานๆ
จะทักว่าดูสวยขึ้น หน้าละมุนขึ้น ผอมลงรึเปล่า แต่ไม่ได้ขนาดทักว่า สวยขึ้น
เพราะแก้จมูกมา หรือสวยขึ้น เพราะทำคางมา..นึกออกมั้ย สวยแบบให้ชวนคิด
(คิดว่าไปทำอะไรมา 555555555)
จะเห็นว่าออนก็ยังเป็นผู้หญิงมีแก้มเหมือนเดิม ยังมี Baby fat ไม่ได้หายไปไหน
หรือหน้า V-Shape จนเปลี่ยนเป็นคนละคน เพราะ Signature ของออน คือหน้าที่มี
แก้ม กับตาโตๆ ดังนั้นออนยังอยากยึด “ความเป็นออน” ไว้ ไม่ใช่เปลี่ยนเป็นคนละคน
รูปนี้คือทำมาได้ประมาณ 3 เดือน
จมูกจะเริ่มเข้าที่มากขึ้น คือเนื้อฟีบลง ไม่บวม ไม่เป็นแท่ง และคางก็ยุบเข้าที่เกือบ 100%
รูปนี้ถ่ายสดจากกล้อง ไม่ต้องแต่ง คือหน้ามันถ่ายรูปขึ้นง่ายกว่าเดิมมากจริงๆ
โหมดแต่งหน้าใสๆก็เอาอยู่นะ
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเนื้อข้างแก้มย้อยลงมา..คือน้ำหนักขึ้นมาเกือบ 10 โล
ดังนั้นเหนียงจะย้อยและใหญ่มาก แต่ตอนนี้กำลังฟิตออกกำลังกาย ต่อยมวยสุดๆ
และคิดว่าถ้าน้ำหนักกลับไปใกล้เคียงเหมือนตอนแรก เหนียงย้อยๆจะลดลง และ
หน้าจะเข้ารูปกว่านี้ขึ้นไปอีก
คุณหมอบอกว่าถ้ารอให้เข้ารูปเป๊ะๆจริงๆคือซัก 6 เดือน
แต่ตอนนี้ 2-3 เดือน เข้ารูป ถ่ายรูปได้ขนาดนี้ ก็ดีใจมากๆแล้วค่ะ
—————————————————-
FAQ
Q : เสริม/แก้จมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู น่ากลัวมั้ย? เจ็บมั้ย?
A : ไม่ค่ะ เหมือนเวลาเราเสริมจมูกปกตินั่นแหละ หรือถ้าใครไม่เคยเสริม..คือมันก็ไม่ได้มี
อะไรน่ากลัว สิ่งที่เจ็บสุดของการทำหรือแก้จมูกคือตอนฉีดยาชา ที่มันจะจี๊ดๆอยู่ประมาณ 5-10 วินาที
พอชาแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไรค่ะ ไม่เจ็บ ไม่อะไรเลย
Q : กระดูกอ่อนหลังหู เอามายังไง?
A : คุณหมอจะตัดกระดูกอ่อนหลังหูของเราค่ะ ใช้ข้างไหนก็ได้ คุณหมอจะตัดนิดเดียวค่ะ
คุณหมอบอกว่ามีเทคนิคส่วนตัว ซึ่งแผลไม่ใหญ่ และคุณหมอมีประสบการณ์ในการใช้
กระดูกหลังหูมากว่า 10 ปี คือทำมาหลายเคสมาก ออกมาสวย ไม่ต้องกลัว
ซึ่งเวลาตัดก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แค่ได้ยินเสียงครื่ดๆ ไม่ได้ดัง ไม่ได้น่ากลัว เหมือนอารมณ์แบบ
คนเอามือมาจับ มาเล่นหูเรา แค่นั้นเอง
Q : เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู ดูแลยากกว่าเสริมแบบซีลีโคนมั้ย?
A : ไม่ค่ะ ปกติเลย แต่จะมีเพิ่มมาคือตรงหลังหูของเรา ที่มี่การปิดด้วยสำลีไว้
ช่วง 7 วันแรก ต้องระวังอย่าให้โดนน้ำ เพื่อให้แผลแห้ง ดังนั้นช่วง 3-4 วันแรก ออนก็
อยู่บ้าน ไม่สระผม ปล่อยหัวเน่า พอวันที่ 5-7 ก็ไปให้ร้านสระ และบอกเค้าให้ระวังช่วงหลัง
หู ไม่ให้น้ำเข้า ส่วนจมูกก็ปกติเลยค่ะ ไม่มีอะไรแปลกใหม่
Q : พักฟื้นนานมั้ย? ช้ำ บวมมากรึเปล่า?
A : ส่วนตัวบอกเลยว่าคุณหมอมือเบามาก เพราะหน้าออนขึ้นเขียวๆเหลืองๆ มาใต้ตา
แค่นิดเดียว นิดมากๆ โดยเริ่มขึ้นมาประมาณวันที่ 3-4 ใช้คอนซีลเลอร์แต้มปิด ก็มองไม่เห็น
แล้วค่ะ และออนเริ่มแต่งหน้า (แบบแต่งทั้งหน้า) ในวันที่ 6 หลังจากที่ทำ หน้าตอนนั้นจะ
ดูเต่งๆ บวมๆ อารมณ์เหมือนคนอ้วนขึ้น แต่ไม่มีรอยช้ำใดๆ (ดีใจมากกกกกกก)
Q : เสริมคางน่ากลัวมั้ย? เสริมยังไง?
A : ตอนแรกยอมรับเลยว่ากลัว อารมณ์แบบโอ้ยยยย น่ากลัว ผ่าปาก อะไรงี้หรอ
จริงๆคือจริงชิวมาก ชิวกว่าไปหาหมอฟันซะอีก เพราะตอนทำคือแค่อ้าปากไว้นิดนึง แบบ
เปิดปากไว้หน่อยๆ (ไม่ต้องอ้าแบบตอนไปหาหมอฟันนะ) แล้วพยาบาลจะเอาสำลีใส่ไว้
ในปากเรา และทำการฉีดยาชาตามจุดต่างๆ ซึ่งฉีดยาชาในปาก เจ็บน้อยกว่าฉีดยาชาจมูก
พูดเลยว่าชิวกว่าม๊ากกกกกกกกก พอชาปุ๊บ คุณหมอก็จะกรีดตรงเหงือก (ข้างล่างฟัน)
และใส่ซีลีโคนเข้าไป แค่นั้นเอง จบ
Q : เสริมคางแล้วกินอาหารได้ปกติมั้ย?
A : ปกติค่ะ คุณหมอบอกว่าอยากกินอะไรก็กินเลย เพียงแต่ออนจะไม่กินอาหารที่
แข็งๆ เพราะไม่อยากออกแรงเคี้ยว และด้วยความที่ไม่กินอาหารรสจัดอยู่แล้ว เลย
ไม่มีปัญหาอะไร ทำเสร็จออนก็กินซูชิ กินไอติมปกติ แต่เวลากินอะไรแล้ว แนะนำให้
บ้วนปากบ่อยๆนะคะ ค่อยๆบ้วน อย่าบ้วนแรง ตอนแปรงฟันก็เหมือนกัน
Q : เสริมคาง ต้องพักฟื้นกี่วัน?
A : ตอบแบบเอาจริงๆคือ..ไม่ต้องพักฟื้นค่ะ เพราะรอยช้ำจะอยู่ใต้คาง
ไม่ได้อยู่บนหน้าเรา วันที่ 2 ที่ออนทำคางมา ออนก็ออกไปข้างนอกได้แล้ว เพียงแต่
หน้าจะบวมตุ๊ยตุ่ย ตรงช่วงแก้ม อารมณ์เหมือนคนไปผ่าฟันคุดหรืออมลูกอมมาอะไรแบบนั้น
ถ้าไม่อยากให้คนเห็นหน้าบวมๆ ก็ใส่มาส์กปิดไว้ แต่ถ้าไม่ซีเรียส ก็ใช้ชีวิตปกติได้เลย
เพราะวันที่ 2 คือออนไปเดินห้าง กินอาหาร แต่งหน้าสวย ใช้ชีวีตปกติ และรอยช้ำใต้คาง
จะค่อยๆหายไป หลังทำได้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ค่ะ
—————————————————-
วิธีการดูแลหลังทำจมูก
1.ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง
ออนใช้ Gel Pack แช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบบนจมูก หน้าผาก
และบริเวณรอบๆ หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องประคบต่อ
2. ด้วยความเป็นคนนอนหงาย และนอนตรงเลยสบายมาก
เพราะเมื่อทำมาแล้วจะต้องนอนยกหัวสูง หรือนอนด้วยหมอนสูงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
3. ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน (สำหรับใครที่มีการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหูด้วย ห้ามแผลหลังหูโดนน้ำ 7 วัน)
ดังนั้นออนล้างหน้าโดยการใช้ Makeup Wipe เช็ดทำความสะอาดใบหน้า ซับด้วยทิชชู่หรือผ้าขนหนูเบาๆ
และหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก
4. ข้อนี้สำคัญมากคือไม่ควรป่วยอยู่ เพราะถ้าป่วย มีน้ำมูก ต้องสั่งน้ำมูก ไอ จามตลอดเวลา
จะกระทบกับแผล ทำให้แผลไม่แห้ง แผลโดนกระแทก ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ แนะนำให้รีบหาคุณหมอ
รักษาให้หายนะคะ
5. วันที่ 4 หลังการผ่าตัด ให้แกะเฝือกที่ติดจมูกออกได้โดยใช้น้ำอุ่นลูบเบาๆเพื่อให้กาวละลายและลื่น
ถ้ามีคราบกาวตกค้าง ไม่ต้องตกใจนะคะ เดี๋ยวก็หลุดออกค่ะ ตอนแกะอย่าลืมแกะมือเบาๆนะคะ
6. มาตรวจซ้ำตามที่คุณหมอนัดตลอดนะคะ ห้ามละเลย เพราะช่วงที่จมูกไม่เข้ารูป อาจเกิดการเบี้ยว
เนื่องจากการนอน หรือปัจจัยต่างๆของเรา และช่วงผ่ามาใหม่ๆ ยังสามารถดัดให้ตรงเข้ารูปได้
ถ้าหากไม่มาตามนัด และจมูกมีปัญหา งานนี้จะวุ่นวายเลย
7. สำคัญมากกก เพราะคุณหมอย้ำตลอดว่าช่วงแรกอย่าพึ่งส่องกระจก เพราะจมูกเรายังไม่เข้ารูป
ส่องไปอาจจิตตกได้ พอสวย เป๊ะ แล้วค่อยส่อง
—————————————————-
วิธีการดูแลหลังทำคาง
1.ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง
ออนใช้ Gel Pack แช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องประคบต่อ
2. โชคดีอีกแล้ว เพราะนอนตรงสบายมาก ทำคางมาอย่าลืมนอนยกหัวสูงประมาณ 48 ชั่วโมงนะคะ
ช่วง 3-4 วันแรกจะบวกตุ๊ยตุ่ยเป็นอาการปกติ และช่วง 1-2 เดือนแรก ถ้าคางยังไม่เป๊ะ ไม่ต้องตกใจนะคะ
ช่วงนั้นกำลังค่อยๆยุบ ค่อยๆเข้าที่
3. เนื่องจากการผ่าตัดคางจะผ่าจากด้านในปาก ทำให้มีแผลในปาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง
อาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวในช่วงแรก (โชคดีมาก ที่ออนไม่กินทั้งหมดที่พูดมาเลย)
4. วิธีการทำความสะอาดง่ายๆ ให้บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่ทำให้เกิดอาการแสบ ในช่วง 3-4 วันแรก
หากต้องการแปรงฟันสามารถใช้ยาสีฟันที่ไม่ทำให้เกิดอาการแสบได้ตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัด และที่สำคัญ
ไม่ควรใช้ลิ้นดุนไหมในปากเล่น
5. วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดคางออกได้ โดยใช้น้ำอุ่นช่วยในการลูบเบาๆให้พลาสเตอร์ค่อยๆลอกออก
—————————————————-
“โดยส่วนตัวมองหน้าตัวเองเฉยๆ..จะไม่รู้สึกต่างเท่าไหร่
เพราะเป็นคนมองหน้าตัวเอง แต่งหน้า ส่องกระจกทุกวัน แต่คนที่ไม่ได้เจอซักพักจะทัก
ว่าสวยขึ้น หน้าดูละมุนขึ้น เข้ารูปขึ้น แบบไม่รู้ว่าทำอะไรมา”
ตรงนี้คือที่ชอบที่สุด เพราะไม่ได้อยากทำให้ “หน้าดูปลอม แต่อยากทำเพื่อแก้ไข
จุดบกพร่องในหน้าของเรา ให้เราดูดีขึ้นจากเราคนเดิม”
นึกออกมั้ยว่าคุณหมอเค้าเห็นหน้าเรา เค้าจะรู้ จะเข้าใจเรา ตั้งแต่ครั้งแรกที่
เคยเขียน Review ไป ว่าพอคุยกับคุณหมอ รู้สึกมั่นใจ อุ่นใจมาก ว่าจะฝาก
หน้าฝากจมูกไว้ได้ และครั้งนี้ก็เหมือนเดิม คือทำออกมาได้เข้ากับรูปหน้าเลย
เหมือนคุณหมอเห็นหน้า และเดาออกว่าต้องทำอะไร แก้ตรงไหน ถึงจะดูดีขึ้น
แต่ไม่เว่อร์ และไม่ได้เปลี่ยนจนจำหน้าไม่ได้ ที่สำคัญอะไรที่ไม่จำเป็นต้องทำ
คุณหมอก็จะไม่แนะนำให้ทำเลย ชอบตรงนี้แหละ
ทั้งนี้ทั้งนั้น..Review นี้ ออนไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนทำศัลยกรรมนะคะ
เพราะเป็นความชอบ ความพอใจของแต่ละบุคคล แต่ Review นี้ เขียนขึ้นเพื่อ
เป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังสนใจ มองหาข้อมูล หรือกำลังสนใจคุณหมอนพรัตน์ค่ะ
—————————————————-
ในส่วนของราคา..แต่ละเคสแตกต่างกันออกไป
แต่สำหรับราคาคร่าวๆคือ
เสริมจมูก – ประมาณ 70,000 บาท
กระดูกหลังหู – ประมาณ 25,000 บาท
เสริมคาง – ประมาณ 50,000 บาท
ย้ำว่าราคาแล้วแต่เคสนะคะ อยากให้ลองไปปรึกษากันก่อน
คุณหมอใจดีม๊ากกกกกกกก
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/NopparatClinic
เบอร์ติดต่อ 0896990666
หวังว่าข้อมูลของออนจะเป็นประโยชน์สำหรับสาวๆที่สนใจ
เจอกันใหม่ค่า
สวัสดีค่ะ
Disclaimer : Review นี้ ไม่ได้รับเงินค่าจ้างใดๆในการเขียนนะคะ
ออนเขียนขึ้นเพราะอยากแชร์ประสบการณ์ให้สาวๆได้อ่านกัน เพราะคิดว่ามีคน
สนใจในเรื่องนี้เยอะ และออนไม่ได้ทำฟรีค่ะ เน้นว่าไม่ได้ทำฟรี จ่ายเงินทำเลย
เพียงแต่คุณหมอลดให้เล็กน้อย เพราะรู้จักกันค่ะ