สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน
วันนี้มาเขียนตามสัญญาแล้ว หลังจากที่วันนั้นลองโยนหินถามว่า
และมีสาวๆมากด Like เพื่อรออ่านกันถึงเกือบ 500 คน ที่สำคัญยังมีคอมเม้นท์จาก
สาวๆที่อยากอ่านอีกด้วย วันนี้ว่างๆช่วงเช้า เลยรีบตั้งใจมาเขียน Review ให้อ่านกัน เพราะออน
ว่าสาวๆทุกคนที่คิดจะ “ทำจมูก” ก็ย่อมต้องการหาข้อมูลให้เยอะที่สุด เพื่อเป็นการประกอบการตัด
สินใจเป็นธรรมดา เพราะการทำจมูก “ไม่ใช่เรื่องเล็ก” หากทำผิดพลาด ต้องแก้ จมูกเบี้ยว
จมูกทะลุ ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน
เริ่มกันก่อนที่ว่า ออนเป็นคนที่เกิดมามีใบหน้ากลม ตาโต คางมีไม่มาก
มีโหนกแก้ม และไม่มีดั้ง ไม่มีดั้งตั้งแต่เด็กๆเลย ทั้งที่พยายามดึงขึ้นมาแล้ว ก็ได้แค่นี้
บวกกับความหน้ากลมทำให้หน้ายิ่งไม่มีมิติ เวลาถ่ายรูปยิ่งหนักเลย หน้าจะดูแบนมาก
ออนเริ่มอยากทำจมูกตั้งแต่อายุ 15-16 แต่คุณแม่ไม่ให้ คุณแม่บอกว่ายังเด็กเกินไป
เพราะต้องการจะดูว่าเวลาโตขึ้นมาโครงหน้าเราจะเปลี่ยนอีกมากน้อยแค่ไหน ออนก็
รอจนกระทั่งอายุ 18 นั่นก็คือช่วงจะเข้ามหาลัย ก็ขอคุณแม่อีกรอบ คุณแม่ก็ยังไม่ให้ บอกว่า
อยากให้รอดูอีกนิด แต่ช่วงนั้นออนก็เริ่มเข้าเว็บต่างๆ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำไว้บ้าง
ออนก็รอ รอ รอ จนกระทั่งอายุ 21 คุณแม่ถึงยอมให้ทำ เพราะออนเริ่มมาเขียน blog
เต็มตัว ทำ review เครื่องสำอาง ทำ how to แต่งหน้า และคุณแม่เห็นว่าหน้ามันไม่มีมิติจริงๆ
คือต่อให้ไล้ดั้งแทบตาย มันก็ยังไม่มีมิติ และดูไม่สวย คุณแม่เลยให้ทำ โดยมีข้อแม้ว่าต้อง
ใช้เงินเก็บของตัวเอง คุณแม่จะไม่ช่วย เพราะถือว่าศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องจำเป็น อยากสวยต้อง
หัดเก็บเงินเอง หาเงินเอง พอคุณแม่โอเคเท่านั้น ออนก็รีบหาข้อมูลหมอทันที ไม่รอช้า
สำหรับเว็บที่สาวๆที่ศัลยกรรมรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นแหล่งข้อมูลของศัลยแพท์
รวมถึง review พวกรูป before-after ทั้งหลายก็จะหนีไม่พ้นเว็บ Dungdong และ Meedmoh
ซึ่งออนก็เคยเข้าไปหาข้อมูลในนั้น
วิธีการเลือกคุณหมอศัลยแพทย์ในแบบของ Onnbaby
1. ดู Review ไปเรื่อยๆ ออนจะเน้นคุณหมอที่มีชื่อนิดนึง และยิ่งถ้าทำตาม
โรงพยาบาลออนจะพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ก็ดูของคุณหมอที่ทำตามคลีนิกไว้บ้าง
2. ดูสไตล์การทำของคุณหมอ ว่าคุณหมอท่านนี้เน้นแนวไหน แนวธรรมชาติ แนวโด่ง
แนวเกาหลี หรืออะไร แล้วดูว่าเราต้องการแบบไหน อย่างออน ต้องการแนวธรรมชาติ
ไม่โด่งทะลุ ดังนั้นก็ค่อยๆ ดูแนวการทำของคุณหมอ เก็บรายชื่อไว้ โดยเลือกประมาณ
3 ท่าน หลังจากเลือกคุณหมอได้ 3 ท่านแล้ว ออนก็จะมานั่งดู review ของแต่ละท่าน
ลึกๆอีกที เพื่อความชัวร์ รวมถึงอ่าน feedback หลังทำว่าเป็นยังไงบ้าง เบี้ยวเยอะมั้ย
จมูกทะลุะเยอะมั้ย เน่ามั้ย บริการหลังการขายดีมั้ย
3. หลังจากเลือกได้แล้ว ก็จะโทรไปนัดวัน เพื่อขอปรึกษากับคุณหมอค่ะ โดยจะเลือก
ปรึกษาทั้ง 2-3 ท่านที่เลือกไว้เลย อย่างเวลาออนเข้าไปคุย ออนก็จะนำแบบจมูกที่
ต้องการไปให้ดูคร่าวๆ ว่าเราต้องการแบบนี้ เหมาะกับเรามั้ย เข้ากับเรามั้ย จมูกเรา
จะทำได้รึเปล่า และดูการตอบของคุณหมอว่าคุณหมอเข้าใจตรงกับเรามั้ย การพูดคุย
กับคุณหมอ จะทำให้เรารู้ว่า “เรามั่นใจ” ที่จะเลือกทำกับคุณหมอไหน จริงๆมันก็เหมือน
การเสี่ยงดวง เพราะบางทีเซ๊นส์ของเราก็ไม่ถูกเสมอไป แต่เราก็ต้องเลือกความมั่นใจที่สุด
4. เมื่อเรามั่นใจแล้ว เราถึงจะนัดวันเพื่อทำการผ่าตัดค่ะ โดยในวันผ่าตัด ก็ให้นำรูปภาพ
ไปเป็น reference ด้วย พร้อมอธิบาย คุยกับคุณหมออีกรอบก่อนที่จะผ่า เพื่อความชัวร์ว่า
คุณหมอยังจำได้ เข้าใจตรงกัน ทำออกมาจะได้ใกล้เคียงกับความต้องการของเรามากที่สุด
วิธีการเลือกรูปแบบจมูกของเราในแบบ Onnbaby
หลายๆคนอยากได้จมูกแบบดาราคนนั้น อยากได้จมูกแบบนักร้องคนนี้
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถมีจมูกได้เหมือนเค้าเป๊ะๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง
1. ดูโครงหน้า/รูปหน้าของเราก่อนว่าเป็นแบบไหน อย่างออนใบหน้ากลม ออนก็จะ
หานางแบบ หรือใครก็ตามที่มี “รูปหน้าคล้ายกับออน” ยกตัวอย่าง Chae-Rim นางเอก
ซีรีย์เกาหลี รักด่วนๆขบวนสุดท้าย แชริมมีใบหน้ากลมคล้ายกับออน
ดูได้จากในรูป ดังนั้นออนก็จะเอา “แนวจมูก” แบบนี้ไปเป็นตัวอย่างในกับคุณหมอ
เพื่อดู เพราะการที่คนเราโครงหน้าต่างกัน รูปจมูก ก็ต่างกันไปด้วย อย่างบางคนหน้ากลมมาก
เนื้อจมูกน้อยมาก จมูกสั้นมาก แต่เอารูปของคนหน้ายาว หน้าเรียวไปเป็นแบบ ซึ่งคนเหล่านี้
บางทีจมูกเค้าก็จะยาวเรียว ทำให้ไม่สมกับหน้าเรา ทำให้ออกมาแล้วใบหน้าดูไม่ balance
ดังนั้นการที่เราจะเลือกทรงจมูก เราต้องดูโครงหน้าของเราด้วย ว่าจมูกเราสั้น-ยาวแค่ไหน
และเนื้อจมูกเรามีเยอะ-น้อยแค่ไหน
2. หารูปหลายๆรูปหลายๆแนว ที่ใกล้เคียงกับโครงหน้าเราไป เพื่อให้คุณหมอดู
เพราะคุณหมอส่วนมากก็จะปรับแต่ง เอาโน่นนิด นี่หน่อยมาผสมกัน บวกกับเพื่อเป็นไอเดีย
ให้กับคุณหมอได้เข้าใจด้วยว่าเราชอบแนวไหน สไตล์ไหน
3. ปรึกษาและคุยกับคุณหมอ ว่าจมุกแบบที่เราต้องการเนี่ย คุณหมอทำได้รึเปล่า เพราะอย่าง
ออน ใจจริงต้องการให้จมูกยาวกว่านี้ โดยอยากให้ทำหยดน้ำ เพื่อให้หน้ายาวขึ้น แต่คุณ
หมอบอกว่าทำไม่ได้ไปมากกว่านี้ เพราะเนื้อปลายจมุกน้อย ถ้าทำหยดน้ำมากกว่านี้ อาจจะ
เสี่ยงจมูกทะลุได้ ดังนั้นเวลาที่คุณหมอบอกหรือแนะนำอะไร เราควรฟังค่ะ เพราะไม่งั้นอาจ
เสี่ยงอันตรายได้ คุณหมอก็จะบอกออนเลยว่า จมูกออนทำได้ประมาณนี้นะ ตรงโคนจะเท่า
นี้นะ เพื่อความโอเค จริงๆทำสวยกว่านี้ได้ แต่อันตรายไป เพราะเนื้อน้อย ซึ่งตรงนี้เราก็
ต้องยอมรับ และทำตาม เพื่อความปลอดภัยของเราค่ะ
(ตั้งแต่รูปนี้เป็นต้นไป จะเป็นรูปที่ทำจมูกแล้วนะคะ)
และในที่สุด ออนก็มาสรุปกับ “คุณหมอนพรัตน์ รัตนวราห” หรือที่ใครๆหลายๆคนรู้
รู้จักกันว่า เป็นแฟนของพี่หญิงแย้ และเป็นคนทำศัลยกรรมให้พี่หญิงแย้นั่นเอง สำหรับ
รายละเอียดของคุณหมอเช่น Facebook อะไรพวกนี้จะลงไว้ข้างล่างสุดนะคะ มาพูดถึง
สาเหตุที่ออนเลือกทำกับคุณหมอนพรัตน์ก่อนดีกว่า หลังจากที่ออนได้ดูหลายๆ Review
ออนก็ได้มีคุณหมอในดวงใจประมาณ 3 ท่าน (แต่ไม่ขอบอกว่าอีกสองท่านคือใคร) ซึ่งออน
ได้ไปปรึกษากับท่านแรก รู้สึกยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะท่านนิ่งมาก ไม่ค่อยพูด เออๆออๆ
ตามเราหมดเลย นั่งรอ 3 ชั่วโมง ปรึกษาคุณหมอ 3 นาที คุณหมอไม่ได้พูดอะไรมาก
ออนก็ไม่แน่ใจ เสร็จก็มาถึงคิวการปรึกษากับคุณหมอนพรัตน์ (ลืมบอกว่า
ออนเคยไปปรึกษามาแล้วรอบนึง เมื่อหลายปีก่อน แต่คุณแม่ยังไม่ให้ทำ ตอนนั้นไปปรึกษาที่
โรงพยาบาลเวชธานี เพราะคุณหมอจะประจำที่เวชธานี และสมิติเวช ทองหล่อ)
คราวนี้ครั้งที่สองคือมาปรึกษาทีสมิติเวช ทองหล่อ เพราะใกล้บ้าน ก็รอคุณหมอซักชั่วโมงเศษๆ
ได้ ขอบอกว่าเวลาที่นัดคุณหมอปรึกษา ต้องมีเวลาว่างและทำใจได้เลยค่ะว่าคุณหมอจะมีคิวรอ
เพราะเวลาแต่ละคนปรึกษาก็อยากถามให้เยอะที่สุด ขอความเห็นคุณหมอเยอะที่สุด เพราะใครๆ
ทำแล้วก็อยากสวย อยากให้เป๊ะที่สุด ไม่ต้องแก้ ผิดพลาดน้อยที่สุด ดังนั้นเผื่อเวลา ทำใจสบายๆ
หาอะไรมานั่งอ่าน ไปกับเพื่อน กินขนมรอไปนะคะ ออนรอคุณหมอซักพักกับคุณแม่ ก็ถึงคิวออน
โดยที่ออนก็เข้าไปพบคุณหมอ อธิบายให้คุณหมอฟัง โดยคุณหมอจะอธิบายว่ารูปจมูกเดิมเรา
เป็นยังไง แกนตรงหรือแกนเบี้ยว (แกนออนจะเบี้ยวไปด้านขวานิดนึง) คุณหมอจะอธิบายถึง
โครงหน้าเรา รูปจมูก เนื้อจมูก ฯลฯ
อย่างของออน โครงหน้ากลม มีแก้ม แต่จมูกสั้น เนื้อจมูกน้อย ดังนั้นทำโด่งมากๆ หรือมี
หยดน้ำมากๆจะไม่ได้ (ซึ่งออนอยากได้จมูกที่ยาว และมีหยดน้ำ เพื่อที่หน้าจะได้ดูยาวขึ้น)
คุณหมอก็บอกว่าทำได้ปานกลาง แต่จะเป๊ะอย่างใจเลย ไม่ได้ เพราะเนื้อจมูกน้อย เดี๋ยวจะ
เป็นอันตราย ไม่อยากให้เสี่ยง ซึ่งออนก็รับฟังคุณหมอตรงนี้ แต่ก็จะเน้นย้ำเสมอว่า
“เอายังไงก็ได้ค่ะคุณหมอ ให้หนูสวย ให้หน้าหนูเป๊ะ”
คุณหมอก็จะขำ ซึ่งบอกเลยว่าปรึกษากับคุณหมอ คุณหมอให้คำแนะนำดีมาก คือคุณหมอ
จะรับฟังในสิ่งที่เราพูด และเสนอแนะมาว่าควรเป็นยังไง ทำได้มากน้อยแค่ไหน ฯลฯ ซึ่ง
เวลาที่คุณหมออธิบายมา มันทำให้ออนมั่นใจว่า คุณหมอเข้าใจในสิ่งที่เราอธิบาย สิ่งที่เรา
สื่อออกไป เหมือนกับว่าทำออกมาจะได้เข้าใจตรงกันที่สุด และออกมาใกล้เคียงกันที่สุด
เพราะแน่นอนว่าไม่มีทางทำออกมาได้ “เป๊ะ” แบบในรูปที่เราเอาไป หรือใจเราต้องการ
เพราะหน้าก็คนละโครงกัน รูปจมูก เนื้อจมูกก็ไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยถ้าคุณหมอเข้า
ใจในความต้องการออกเรา คุณหมอก็จะพยายามทำออกมาให้สวยที่สุดค่ะ
ซึ่งพอปรึกษาแล้ว มั่นใจคุณหมอ คุณแม่ก็รู้สึกมั่นใจในคุณหมอ และชอบ เลยตัดสินใจ
จองคิว ซึ่งออนต้องไปต่างประเทศ บวกกับโน่นนี่เวลาไม่ค่อยลงตัว ออนก็จองช่วงที่ออน
กลับมาไทยพอดี บวกกับที่โรงพยาบาลสมิติเวช ทองหล่อ ราคาจะสูงกว่าที่เวชธานี
ทำให้คิวน้อยกว่า ซึ่งออนปรึกษาคุณหมอช่วง มีนาคม 2555 ออนก็ได้คิวประมาณช่วง
ปลายเดือนมิถุนายน 2555 (อันนี้คือคิวที่เร็วที่สุดสำหรับสมิติเวช ทองหล่อค่ะ)
ซึ่งต้องมีมัดจำถ้าจำไม่ผิดจะประมาณ 1,000 กว่าบาท เกือบๆ 2,000 ค่ะ
พอถึงวันที่นัด ออนนัดผ่าตัดวันที่ 25 มิถุนายน 2555 โดยวันนั้นที่สมิติเวชมีทั้งหมด
4 คิวได้ ออนได้เป็นคิวที่สอง ในวันผ่า ก่อนจะผ่าก็ต้องไปคุยกับคุณหมออีกที เหมือน
คุยอีกรอบ เพื่อให้คุณหมอแน่ใจค่ะว่าอะไรยังไง เพราะคุณหมอผ่าตัดเยอะมาก
คิวที่ 2 ของออนผ่าช่วงประมาณสองทุ่มค่ะ โดยทุ่มกว่าๆพยาบาลก็จะมารับไปละ
ซักพักก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ในใจแอบหวิวเบาๆ เพราะเกิดมาไม่เคยผ่าตัดเลยซักครั้ง
ไม่เคยนอนโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นการทำจมูก เป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกของออนค่ะ
พยายาลก็จะให้ล้างหน้า ล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เช็ดโพรงจมูกอะไรให้สะอาด
ป้องกันการติดเชื้อ และใส่หมวกคลุมผม เปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับผ่าตัด ห้ามใส่เสื้อใน
อะไรทั้งสิ้น ถอดออกให้หมดค่ะ แล้วออนก็ไปนอนรอคุณหมอในห้องผ่าตัด
คุณหมอก็เข้ามาพูดคุยกับปกติ ออนก็บอกเหมือนเดิม “เอาสวยๆนะคะ เอาเป๊ะๆนะคะ”
คุณหมอก็จะขำ โดยระหว่างทำจะเป็นการฉีดยาชานะคะ ฉีดช่วงคิ้วหรืออะไรแถวๆนั้น
ถ้าจำไม่ผิด แล้วซักพักยาชาก็จะค่อยๆชาลงมาทีละส่วน “แต่ไม่ได้ฉีดยาสลบ” ค่ะ
ดังนั้นระหว่างการผ่าตัด ออนรู้สึกตัวเองตลอดเวลา ซึ่งถามว่าหวิวๆมั้ย มันก็หวิวนะ
คือกลัวเหมือนกัน ดังนั้นออนก็จะคุยกับคุณหมอตลอดว่าเนี่ย อ่าน Review พี่หญิงแย้
เห็นว่าสวย เป๊ะเลย อยากทำ บวกกับ Review ผลงานของคุณหมออื่นๆอีก โน่นนี่
ก็ชวนคุณหมอคุยไป แต่ออนจะหลับตา ก็จะรู้สึกว่ามีการเอาซีลีโคนเข้า-ออก
แต่จะไม่ได้เจ็บ แค่รู้สึกว่ามีอะไรดันผ่านเข้าไปในระหว่างจมูกกับเนื้อเรา ประมาณนี้
อย่างจมูกออน ทำได้คือเสริมแกนตรงกลาง ให้ดูมีสันขึ้น หยดน้ำทำได้นิดนึง
เพื่อให้หน้าดูยาวขึ้น แต่ไม่ตัดปีกจมูก บอกเลยว่าคุณหมอนพรัตน์ “เหลาซีลีโคน”
เองกับมือค่ะ ตอนมามันจะเป็นแท่งสีเหลี่ยมยาวๆ ซักพักคุณหมอก็จะดูจมูก
แล้วก็ค่อยๆเหลา ไม่ได้ใช้เป็นซีลีโคนสำเร็จรูป ที่มาเป็นแบบ S, M, L นะคะ
ซึ่งการเหลาซีลีโคนเองจะทำให้ได้จมูกที่เป็นเราจริงๆ เข้ากับหน้าเราเลย
ไม่ใช่จมูกเหมือนกันสิบคน เพราะทำมาจากร้านเดียวกัน ตอนแรกคุณหมอเหลา
แล้วใส่เข้าไป แต่ต้องเอาออกมาเหลาใหม่ เพราะว่ามันยาวเกินไป เนื้อจมูกออน
น้อย เดี๋ยวจะอันตรายได้ คุณหมอบอกว่าจริงๆอันนี้สวยมาก เป๊ะเว่อร์ ออนต้อง
ชอบ เพราะได้หยดน้ำเลย แต่ไม่ต้องการให้เสี่ยง ความปลอดภัยต้องมาก่อน
เลยขอเหลาความยาวออกนิดนึง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่าออนต้องเลือก
ความปลอดภัยมากกว่าความสวยงาม เพราะออนไม่ต้องการมาแก้ หรือมาเอา
ออกเพราะจฒูกทะละ ด้วยความที่ๆสมิติเวชคนน้อย คิวน้อย คุณหมอก็ให้เวลา
ออนเต็มที่เลย ผ่าตัดเสร็จเกือบๆ 4 ทุ่มได้ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆเลย ผ่าตัดเสร็จ
พยาบาลก็เอารถเข็นมารับ ออนก็ไปหาคุณแม่ จ่ายเงิน กลับบ้าน
คุณหมอจะบอกเสมอว่า ช่วง 3 เดือนแรก อย่าไปมองจมูกมาก เพราะมันยังไม่
เข้าที่ มันจะยังไม่สวย เดี๋ยวจะตกใจ ให้มองหลังจากนั้น แล้วจะเห็นจมูกที่แท้จริง
แต่การที่จมูกจะเข้ารูปเป๊ะๆเลย คือเนื้อยุบหมดแล้ว ก็จะใช้เวลาประมาณ
6 เดือน ถึง 1 ปีค่ะ
วันแรกหลังผ่า : ตรงหัวตาก็จะบวกๆ และดึงมารวมกันตามสไตล์
วันที่สอง-สาม : ใต้ตาเริ่มช้ำ
วันที่สี่ : ยังช้ำอยู่ แต่ลดลงแล้ว
วันที่ห้า : ทาคอนซีลเลอร์ปิดก็ออกจากบ้านได้แบบเป๊ะเๆลย แต่หัวตา
ก็จะยังตึงๆอยู่
สำหรับออน ออนทานยาแก้ปวดแค่ 2 วันแรก ทั้งๆที่มันไม่ได้ปวด แต่
กันไว้ก่อน ออนเริ่มเดินออกไปสระผมแถวบ้านในวันที่ 4 โดยที่ยังมีพลาสเตอร์
ปิดอยู่บนจมูก วันที่ 5 ออนถึงเอาพลาสเตอร์ออก อาทิตย์แรกเนื้อจะยังฟูๆอยู่ค่ะ
แต่ว่าไม่มีปัญหานะ อย่างใครจะทำ แนะนำให้ทำแบบวันศุกร์เย็น แล้วก็จะมีเวลา
หยุดเสาร์-อาทิตย์ ช่วงที่ใต้ตาช้ำเยอะหน่อย แล้วอาจจะลาวันจันทร์หรืออังคารเพิ่ม
แค่นี้เองค่ะ ไม่ได้ต้องลาทั้งอาทิตย์เลย
วิธีการประคบของออนจะเป็นแบบ “ประคบเย็น” ออนเห็นบางคนก็มีทั้งประคบร้อน
และประคบเย็น แต่คุณหมอบอกว่าออนประคบเย็นอย่างเดียวพอ ใช้ Jelly Pack
หรือพวก Ice Pack ประกบใต้ตา และใกล้ๆจมุกเบาๆ ประคบทั้งวัน ก็จะช่วยให้หาย
คล้ำหรือช้ำเร็วขึ้นค่ะ ออนประคบประมาณ 3 วันเต็มๆค่ะ แบบมี Ice Pack ที่บ้าน
3 อันเลย ผลัดกันไปมา ประคบตลอดเวลา
ซึ่งคนที่เห็นออนช่วงเดือนแรกที่ทำ กับตอนที่ผ่านมา 6 เดือนแล้ว จะพูดเลยว่า
ตอนนี้จมูกสวยกว่าเดิมที่เห็นมาก เข้ารูปกว่าเดิมมาก มันเรียวขึ้น เข้ารูปขึ้น
เนื้อตรงจมูก (รอบๆกระดูก) มันก็เริ่มฟีบลงไป เป็นรูปจมูกของออนจริงๆ
อย่างในรูปนี้เริ่มเข้าที่มากขึ้น ออน Shading จมูกด้วย ก็ยังเรียวขึ้น โน่นนี่
บอกเลยว่าถ่ายรูปมา แล้วหน้ามีมิติขึ้นมาก ยิ่งออนเป็นคนหน้ากลม มีแก้ม
ยิ่งต้องการมิติให้หน้า อันนี้เวิร์กเลย ถ่ายรูปแล้วหน้าไม่แบน ดั้งไม่แหมบแล้วว
คนที่เจอจะบอกว่าแต่ก่อนหน้าแบ๊วๆ เด็กๆ เดี๋ยวนี้หน้าดุสวยขึ้น คมขึ้น
ดูเป็นผู้หญิงแบบหน้าชัดขึ้นมาเลย รู้สึกคุ้มค่ามากกกกจริงๆนะ กับการทำในครั้ง
นี้ เพราะว่าไม่มีปัญหาอะไรด้วย จมูกออนไม่เบี้ยว คุณหมอนัดวันไหน ออนไปตาม
นัดตลอด เพราะหลังผ่าเสร็จ ต้องไปหาคุณหมอหลังจากนั้น 1 อาทิตย์, 2 อาทิตย์,
1 เดือน แล้วก็ 3 เดือนประมาณนั้นค่ะ คุณหมอก็เป็นกันเอง น่ารักมาก จำได้ด้วยว่า
“หนูคนที่เขียน blog ทำ vdo แต่งหน้าใช่มั้ย” เพราะคุณแม่ออนไปเปิดรูปให้ดู
บอกว่า shading ดั้งให้ตาย ยังไงก็ไม่ขึ้น อยากให้หน้าดูมีมิติขึ้น คุณหมอก็จะ
จำได้ ซึ่งอีกไม่นานเดี๋ยวออนก็จะไปพบคุณหมออีกค่ะ ให้คุณหมอเช็คเรื่อยๆ
แต่โดยรวมไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรเลย แฮ๊ปปี้กับจมูกมากจริงๆ
ด้วยความที่ออนไม่ได้ทำสูงมาก เน้นธรรมชาติ ให้ดูโอเค มีมิติ
เวลาหน้าตรงๆ มองไกลๆ จะเป็นแบบนี้ค่ะ อันนี้ไม่ได้ shading จมูก
หน้าก็จะมีเหมือนสันขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทะลุออกมาจากหน้า
ให้ดูแบบใกล้ๆ จะเห็นว่าจริงๆออนอยากได้หยดน้ำข้างหน้ามากกว่านี้
นิดนึง แบบให้มันดูยาวกว่านี้เล็กน้อย แต่ว่าจมูกออนเนื้อน้อย เลยได้แค่นี้ค่ะ
รูปจมูกด้านข้าง
ลอง shading หนักๆดู จะได้คมๆแบบนี้เลย
Before & After
Before & After
สรุปข้อมูลคุณหมอ
ทำจมูกกับ : นายแพทย์นพรัตน์ รัตนวราห
โรงพยาบาล : สมิติเวช ทองหล่อ (ราคา 30,000 บาท)
(คุณหมอประจำที่เวชธานีด้วย ราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาท ลองไปปรึกษา
ได้ค่ะ แต่เวชธานีคิวจะเยอะกว่า เหตุผลที่ออนเลือกที่นี่เพราะ ออนต้องการคิว
น้อย และได้เวลาที่ออนต้องการพอดี รอคิว 4 เดือน ส่วนเวชธานีรอนานกว่านั้น
เยอะค่ะ และที่สำคัญคุณแม่บอกว่าทำแล้วก็ทำดีๆไปเลย คิวน้อยๆ คุรหมอ
จะได้ให้เวลารอเต็มที่ เพราะคิวที่สมิติเวช น้อยกว่าเวชธานีเกินครึ่งต่อวันค่ะ
และออนยอมเสียเงินมากกว่าเพื่อความสบาย และสะดวก ที่สำคัญสติเวช
สาขาทองหล่อใกล้บ้านออน ออนเกิดที่นี่ด้วย เลยขอทำที่นี่เลยละกัน)
เว็บไซต์คุณหมอ : http://www.drnopparat.com/
Facebook คุณหมอ : Click
เบอร์ติดต่อ : 089 699 0666 และ 083 221 2122
Disclaimer : ออนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับทางคุณหมอ หรือ
โรงพยาบาลนะคะ เขียน Review ขึ้นมาเพราะความประทับใจส่วนตัว
ออนจ่ายเงินของออนเอง เป็นเงินที่ออนเก็บเอง ไม่ได้ให้ครอบครัวขออก
ให้ด้วยค่ะ เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น แต่อยากทำ ดังนั้นออกเองค่ะ
เอาเงินเก็บตัวเองมาใช้
ที่สำคัญออนไม่ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงต้องสวยศัลยกรรม หลายๆคนสวย
ธรรมชาติ อันนั้นเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่อย่างบางคนมีความจำเป็น ไม่ว่าจะด้วย
อาชีพหรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยได้เยอะ ดังนั้นก่อนจะทำความศึกษา
หาข้อมูลดีๆ เพื่อความผิดพลาดที่น้อยที่สุดค่ะ การศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิด
แต่อย่าเสพย์ติด และต้องรู้จักความพอดีค่ะ
ฝากไวด้วยนะคะ
หวังว่าสาวๆจะถูกใจกัน ไว้เจอกันใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ