สวัสดีค่าาา
วันนี้มาพาไปเที่ยวอีกแล้ว เรียกว่าเที่ยวทิ้งทวนก่อนกลับไทยเลยก็ได้ เนื่องจากเหลือเวลา
อีกไม่ถึง 3 อาทิตย์ที่ออนจะอยู่เมกา และเตรียมบินกลับไทยหลังจากเรียนจบ ดังนั้นเรื่องเที่ยว
นี่ขาดไม่ได้ เพราะไหนๆบินมาไกลถึงอเมริกา คนละซีกโลกแล้ว ก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม คราวนี้
เป็นทริปที่ตื่นเต้นมากกก เรียกว่าตื่นเต้นน่าจะเกือบที่สุด (ตื่นเต้นพอๆกะตอนไป New York) เลย
เพราะว่าทริปนี้เป็นทริป 5 วัน 4 คืน ที่จะได้ไปตะลุย The Wizarding World of Harry Potter
ใน Universal Orlando รัฐ Florida นั่นเองค่ะ ที่ผ่านมา Universal Orlando ได้เปิดบริการ
ในส่วน Hogmeade มาได้ซักพักแล้ว แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้เปิด Diagon Alley หรือ
ตรอกไดแอกอนใหม่ ทำให้มันบูมมากกกกก และออนต้องไปให้ได้
ออนเห็นคนไทยไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันมาเยอะ แต่ไม่ค่อยเห็นคนไทยมาที่ Orlando เท่าไหร่
แม้กระทั่งตอนไปเที่ยวก็ไม่เจอคนไทยเลย มีแต่ฝรั่ง ดังนั้นเลยจะมาเขียนให้อ่านกันค่ะ บอกไว้
เลยว่าบล็อกนี้จะยาวมาก เพราะอัดเต็มทั้งรูปและวีดีโอ คือมันประทับใจจริงๆ เลยอยากถ่ายทอด
ประสบการณ์ความประทับใจ ความสนุกที่มีออกมาให้หมด คนอ่านจะได้เหมือนไปเที่ยวด้วยกัน
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
แฟนออนซื้อเป็น Package รวมตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก-ตั๋วเข้า-สิทธิพิเศษอื่นๆจากทางเว็บ
ของเค้าโดยตรงค่ะ เพราะว่าลองเช็คกันมาทุกวิถีทางแล้ว ว่าจะมีทางอื่นถูกกว่ามั้ย สรุปว่า
ไม่มี (ในกรณีที่จะเอาพวกสิทธิพิเศษให้ครบนะคะ ถ้าจะเอาแค่ตั๋วเครื่องบินกับที่พัก จองที่
อื่นมีถูกกว่าค่ะ) ซึ่งอันนี้คือแพ๊คเกจที่จองไป
อันนี้เป็น Exclusive Vacation Package นะคะ เป็นทริปที่แพงที่สุดที่เคยไปเที่ยวกัน
แต่เป็นทริปที่คุ้มมาก สำหรับทริป 5 วัน 4 คืน ราคาสำหรับ 2 คน อยู่ที่ $2,500
(ประมาณ 80,000 บาท)
และใน 5 วันนี้ ก็มี Pocket Money อีก $1000 (30,000 กว่าบาท) สำหรับ 2 คน
สำหรับการใช้จ่ายอะไรนอกเหนือจากนั้นเช่นอาหารเย็น หรือซื้อของที่ระลึกต่างๆ
แพ๊คเกจที่จะไปมีรายละเอียดตามนี้ค่ะ
– ตั๋วเครื่องบินไป-กลับแบบ Direct flight จาก LAX-MCO
(บินตรงจาก LA ไปถึง Orlando) ครั้งนี้บิน Delta Airlines ค่ะ
– ห้องพักที่โรงแรม 4 คืน ซึ่งโรงแรมที่เลือกคือ Loews Royal Pacific Resort เป็น
Deluxe On-Site Hotel จะราคาสูงกว่าอีก 2 แบบ แต่จะใกล้กับสวนสนุกโดยตรง
เดินทางสะดวก มี Water Taxi และ Shuttle Bus รับ-ส่งฟรี
– ตั๋วเข้าสวนสนุกแบบ Park-to-Park เป็นเวลา 3 วัน คือเข้าได้ทั้ง Universal Studios และ
The Island of Adventure (เพราะสวนสนุก 2 ที่นี้ติดกัน ถ้าซื้อตั๋วแบบเดียว จะเข้าได้ที่เดียว
ถ้าเป็นแบบ Park-to-Park จะเข้า-ออกได้ 2 ที่)
– อาหารเช้าที่ร้าน Leaky Cauldron หรือร้านหม้อใหญ่รั่ว 1 มื้อ (ต่อคน)
– อาหารเช้าที่ร้าน Three Broomsticks หรือร้านไม้กวาด 3 อัน 1 มื้อ (ต่อคน)
– Early Park Admission (สามารถเข้าไปเล่นสวนสนุกได้ก่อนเวลาที่สวนสนุกเปิดทำการ
1 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่เข้าไปเล่นได้คือตอน 7 โมงเช้า)
– Express Pass (บัตรที่ทำให้ลัดคิวมาได้เร็ว ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้ซื้อ Express Pass
ก็จะต้องรอคิวนานหลายสิบนาที หรืออาจเป็นชั่วโมงๆ แต่ถ้ามี Express Pass จะมีเลน
ของมันเอง ทำให้บางทีไม่ต้องรอเลย หรือรอมากสุดแค่ 15 นาที ใช้ได้กับเครื่องเล่นแทบ
ทุกอัน ยกเว้นเครื่องเล่นใน The Wizarding World of Harry Potter อันที่เป็น
Harry Potter and The Escape from Gringotts กับ Harry Potter and The
Forbidden Journey นอกนั้นถ้าจำไม่ผิดใช้ได้หมดค่ะ) รู้สึกว่าออนได้ Express Pass
เพราะว่าจองโรงแรมที่เป็น Deluxe On-Site ซึ่งราคาสูงกว่าอันอื่น ทำให้ได้อันนี้
ไม่งั้นต้องซื้อแยก ซึ่งราคาอยู่ที่คนละ $89 ต่อคน ต่อวัน ดังนั้นถ้ามากัน 3 วัน 2 คน
จะต้องซื้อแยกรวมเป็นเงิน $543 (ประมาณ 17,000 บาท) ดังนั้นบอกเลยคุ้มมากกกก
ที่ได้ฟรีเป็นโบนัส
– ได้ของที่ระลึกส่งมาถึงบ้านก่อนวันที่เดินทางประมาณ 3-4 อาทิตย์ ของที่ส่งมาจะมี
พวกตั๋วเครื่องเล่น ตั๋วกินอาหารทั้งหลาย ตุ๊กตานกฮูก Hedwig และ Welcome Letter to
Hogwarts เหมือนเวลาที่ Harry ได้รับจดหมายให้เข้าไปเรียน
– อาหารกลางวัน 3 วัน คนละ 1 มื้อ โดยใน 1 มื้อจะมีอาหารหลัก เครื่องดื่ม และของหวาน
ซึ่งสามารถใช้กับร้านที่ร่วมรายการได้ (และร้านหลายๆร้าน ที่ไม่ใช่พวกร้าน fine-dining
ก็จะร่วมรายการด้วย) อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ที่ได้จากการจอง Deluxe On-Site Hotel อีกเช่นกันค่ะ
– Airport Pick-Up ที่จะมารับจากแอร์พอร์ตไปส่งที่โรงแรม และจากโรงแรมมาส่งที่แอร์พอร์ต
ราคาถ้าจำไม่ผิดคนละ $38 (รวมในที่จ่ายไปตอนแรก) ที่เหลือเราก็ให้ทิปเค้าประมาณ $10-$20
—————————————————————–
ตลอด 3 วันที่ไปเล่น ออนเข้าๆออกๆทั้งในส่วนของ Universal Studio, The Island of Adventure,
Hogsmeade และ Diagon Alley แต่ของเล่าเฉพาะในส่วนของ Hogsmeade และ Diagon Alley
นะคะ เพราะไม่งั้นจะยาวมาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยทำไมชุดไม่ซ้ำกัน เพราะถ่ายคนละวันค่ะ
เตรียมตัวขึ้นเครื่อง พาสปอร์ต และสัมภาระพร้อม
ออนถือพาสปอร์ตของไทย พร้อมกับวีซ่านักเรียนนะคะ ส่วนพี่โต้ถือสัญชาติอเมริกันค่ะ
มาถึงแล้วววววว วันแรกด้วยความตื่นเต้น กลัวใช้สิทธิ์ไม่คุ้ม เลยมา Early-Admission
ตื่น 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว และใช้บริการ Water Taxi (เปิดให้บริการตอน 6.15) มาถึงทางเข้าตอน
7 โมงเช้าค่ะ เหตุผลที่มาเช้าเพราะวันแรกไม่รู้ว่าคนจะเยอะมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเลยแพลนว่าจะไปเล่น
เครื่องเล่นใน The Wizarding World of Harry Potter 2 อัน ที่ไม่สามารถใช้ Fast Pass ได้ก่อน แล้ว
หลังจากนั้นก็ไปกินอาหารเช้าที่ได้จองไว้
เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็น King’s Cross Station ซึ่งจะเป็นจุดที่เราต้องไปชานชลาที่ 9 3/4
เพื่อจะไป Hogsmeade (ลืมบอกว่าเรานั่งรถไฟ Hogwarts Express จาก Diagon Alley ไป
Hogsmeade ได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องถือบัตร Park-to-Park ticket เพราะว่าท้ัง 2 ที่อยู่คนละส่วน
กัน ถ้าซื้อบัตรแบบเดียว จะเข้าไม่ได้ค่ะ) แต่ยังไม่ได้ขึ้นเลย เพราะว่ารถไฟเปิดให้บริการตอน 9 โมง
เช้า ดังนั้นจะขอไปตะลุย Diagon Alley ก่อน
มาถึงแล้วววว ตรอกไดแอกอน เข้ามาจะเห็นร้าน Weasley’s Wizard Wheezes
ร้านขายของเล่นของตลกๆและแปลกๆของ Fred and George Weasley หรือพี่ชายของ Ron นั่นเอง
เดินตรงเข้ามาก็จะเห็น Gringotts Bank หรือธนาคารกริงกอตส์ ที่มีมังกรยักษ์เฝ้าอยู่แบบนี้
แต่สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการซื้อ ButterBeer กินนั่นเอง คือมาแล้ว ไม่ลองไม่ได้
ButterBeer จะมีทั้งหมด 3 แบบค่ะ
1. แบบเย็นธรรมดา (Cold) ราคา $4.50
2. แบบเย็นแช่แข็ง (Frozen) ราคา $4.50
3. แบบใส่แอลกอฮอลล์
ในมือที่ถืออยู่คือแบบเย็นธรรมดากับแช่แข็ง หลังจากลองกินแล้ว รู้สึกว่า
แบบเย็นธรรมดาอร่อยกว่า รสชาตนุ่มๆ ละมุนๆมากกว่า แบบแช่แข็งมันหวานแปลกๆ
ส่วนรสชาติที่หลายๆคนอยากรู้ว่าเป็นยังไง ใส่เบียร์กับเนยลงไปจริงๆรึเปล่า ..
บอกได้เลยว่าเปล่าค่ะ..เป็นอารมณ์แบบ Butterscotch หวานๆผสมครีมโซดา
และโปะด้วยฟอง ที่น่าจะทำมาจากนมผสมคาราเมลอะไรแบบนี้ คือหว๊านนน หวานนน
กินมากๆอาจเป็นเบาหวานได้ แต่เนื่องจากเป็นคนชอบกินอะไรหวานๆอยู่แล้ว
ดังนั้นสำหรับออนไม่ถือว่าเลี่ยนไป แต่ถ้าใครไม่ชอบกินหวาน.. แค่ 1 แก้วก็อาจจะ
เกินคำว่าเลี่ยนค่ะ
ราคาถ้าใส่แก้วธรรมดาแบบนี้ จะอยู่ที่ $4.50 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เพราะอันนี้ออน
ใช้สิทธิ์จาก Free Meal ของออน ดังนั้นออนเลยไม่ได้เสียเงินค่ะ
มาถึงแล้วกับร้านไม้กายสิทธิ์ชื่อดังกับ Ollivander’s นั่นเอง
การเข้าร้านนี้เค้าจะพาเข้าไปเป็นกรุ๊ปเล็กๆ ประมาณ 10-15 คนไม่เกิน และสุ่มเลือกออกมา 1 คน
อารมณ์แบบ The chosen one ที่จะได้มาลองเสกคาถาต่างๆ เหมือนตอนที่ Harry ไปลองครั้งแรก
และบังเอิ๊ญญญญ บังเอิญ… เค้าเลือกออน !!!
ช็อกมากกกก ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าจะถูกเลือก เค้าจะให้เราเดินไปข้างหน้าตรงโต๊ะ พร้อมกับ
หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา 1 อัน พร้อมกับเสกคาถา ของก็จะขยับแรงๆกุกกักๆ แล้วเค้าก็จะหยุดคาถา
หลังจากนั้นก็ลองอันที่ 2 ก็ขยับกุกกักๆเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ใช่ จนพอจับอันที่ 3 ก็จะมีเพลง พร้อม
แสงไฟลงมา อารมณ์แบบแสงจากสวรรค์ อารมณ์แบบ “อันนี้แหละ ใช่เลย” เสร็จแล้วก็เค้า
จะบอกว่า “The wand chooses wizard…it’s not clear why”
หลังจากนั้นก็จะพาไปอีกห้องนึง ที่สามารถเข้าไปเลือกซือไม้กายสิทธิ์ได้ตามใจ ออนเลย
ตัดสินใจเอาอันที่ไม้กายสิทธิ์เลือกออกมานั่นเอง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ซึ่งไม้กายสิทธิ์จะมี 2 แบบคือ
Interactive Wand (อันนี้สามารถไปเสกคาถาตามจุดต่างๆใน Hogsmease และ Diagon Alley
ได้) กับแบบ Non-Interactive ที่เหมือนซื้อสะสม ไม่สามารถเสกคาถาอะไรได้
Interactive Wand ถ้าจำไม่ผิดประมาณ $40 (1,700 กว่าบาท)
Non-Interactive Wand อยู่ที่ $34.95 (1,100 กว่าบาท)
ออนกับพี่โต้เลยซื้อแบบที่เสกคาถาได้ เพราะไหนๆก็มาแล้ว เลยซื้อกันมาคนละอัน
ของออนเป็นแบบ Customize Wand ไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ของใคร เพราะเป็นอันที่ถูกเลือกมา
ถ้าอยากได้ของตัวละครตัวไหน ก็สามารถเลือกได้ ทางร้านจะมีตัวอย่างให้ดูค่ะ
เลือกไม้กายสิทธิ์เสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาไปบุก Gringotts Bank กัน ซึ่งภายในจะมีเครื่องเล่นด้วย
พึ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆได้ไม่กี่เดือน นั่นก็คือ Harry Potter and The Escape from Gringotts
ด้านหน้าถ้าจำไม่ผิด จะมีล็อกเกอร์ให้ฝากของค่ะ ไม่ต้องเสียเงิน ถ้าไม่เกินเวลาที่กำหนด
โอ๊ะๆ Goblin ตัวเป็นๆนั่นเอง
นั่งทำงานกันยกใหญ่ ขอบอกว่าเหมือนในหนังมากกก ขยับหัว ขยับมือ เงยหัวขึ้นๆลงๆ มันใช่อะ
เนื่องจากมาแบบ Early-Admission ทำให้ไม่ต้องรอคิวใดๆ สุดท้ายก็มาถึงเครื่องเล่นแบบรวดเร็ว
เครื่องเล่นจะมาเป็นรถแบบนี้ค่ะ เหมือนในหนังที่ต้องนั่งรถไฟเข้าไปข้างใน เพื่อไปเซฟของตัวเอง เนื่องจาก
ข้างในมืด และออนฝากกระเป๋าไว้ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ
เครื่องเล่นข้างในก็อารมณ์แบบ 3D multi-dimension Ride เราก็จะลอยไปลอยมา เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา
สนุกดี แต่ไม่ได้ตื่นเต้น หรือน่ากลัวอะไร เด็กๆหรือคนที่กลัวอะไรพวกนี้ก็เล่นได้ค่ะ
ใครอยากดูแบบ video ลองดูได้ค่ะ แปะจาก Youtube
httpv://www.youtube.com/watch?v=DJHfF2udZv8
หลังจากออกมา ก็มาลองเสกคาถากันหน่อย ซึ่งในกล่องไม้กายสิทธิ์
จะมีแผนที่บอกแต่ละจุดใน Hogsmeade และ Diagon Alley ว่าตรงไหนไปเสกคาถา
ได้ค่ะ อันนี้เวลาเสกแล้วลูกตาก็จะขยับซ้ายขวาตามเราไป ซึ่งถ้าใครเสกไม่เป็น
ก็จะมีแม่มดใจดีมาค่อยช่วยอธิบายหรือแนะนำ
ถึงเวลา 9.30 แล้ว ที่จองอาหารเช้าไว้ที่ร้าน Leaky Cauldron หรือร้านหม้อใหญ่รั่ว
(พนักงานแนะนำให้จองไว้ค่ะ จะมีที่ โดยเฉพาะในช่วงที่คนมาเยอะ อาจจะเต็มได้) ดูเมนูต่างๆ
ได้จากด้านหน้าทางเข้าเลย แต่สำหรับเมนูอาหารเช้าจะเป็นอีกแบบค่ะ
อาหารเช้ามีหลายแบบให้เลือก แต่ออนเลือก American Breakfast มา เพราะง่ายสุดแล้ว
มีไข่ ไส้กรอก เบค่อน มันอบ และขนมปังเนย รวมถึงเครื่องดื่ม 1 อย่าง ซึ่งออนเลือกนมสดค่ะ
แน่นอนว่ามื้อนี้รวมอยู่ในแพ๊คเกจแล้ว ทำให้ไม่ต้องจ่าย เพราะถ้าจ่ายก็แอบเอือมนะ จานนี้รวม
นมนี่ $15 ได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิด ถือว่าแพงมากก เทียบกับปริมาณ คุณภาพ และความอร่อย
หม้อใหญ่รั่วแบบชัดๆ ทั้งใหญ่และรั่ว
ลืมบอกไปว่ามังกรยักษ์พ่นไฟได้ด้วยนะ จะพ่นทุกๆ 10-15 นาที
ก่อนพ่นจะทำเสียงคำรามตึงๆตังๆก่อน และตอนนั้นกล้องทุกตัวจะแพนไปที่มังกร
เพื่อรอช็อตนี้ และในที่สุดก็ได้มา!! เวลาที่พ่นไปออกมาคือแอบร้อนเหมือนกัน ไฟจริง
ไฟแรง ชัดเจนมากกกกก
ถ่ายเป็นที่ระลึกซะหน่อย
หลังจากนั้นก็เดินเล่น ย่อยอาหาร ไปที่ Knockturn Alley ซะหน่อย
ตรอกสำหรับพ่อมดแม่มดที่ชอบศาสตร์มืด ตรอกนี้จะเล็กๆไม่มีอะไรมากค่ะ ร้านทุกร้าน
จะแต่งแบบดำๆ มืดๆ และจะมีคนมายืนใส่ผ้าคลุมดำก้มๆอยู่ตามมุมตรอก น่ากลัวเหมือนกัน
แต่เหมือนในหนังเลย
บรรยากาศโดยรวมใน Diagon Alley
คนที่นี่บอกว่าช่วงเดือนกันยา-ตุลา เป็น low-season ของเค้า คนจะมาน้อย แต่ฝนจะตกบ่อย
ดังนั้นโชคดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน แต่ฝนที่นี่จะตกทุกวัน แต่วันละแป้บๆ ซู่เดียวหยุด ดังนั้นโอเคไม่มีปัญหาค่ะ
ทำ Follow Me To ใน Diagon Alley
ถ้าไม่ได้ทำเดี๋ยวเหมือนไม่ได้มา
เวลาเข้ามาใน King’s Cross Station แล้ว ก็จะมีพวกของจำลองที่เป็นกระเป๋าเดินทางต่างๆค่ะ
ได้ฟีลเหมือนในหนังเลย
พอขึ้นมาถึงชานชลา..ก็จะเห็นกองกระเป๋า อันสีแดงจะมีตัวหนังสือเขียนว่า “HP”
บวกกับ Hedwig ที่หันไปหันมาในกรงนั่นเอง คือพึ่งรู้ว่า Hedwig ตัวใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย
ดูในหนังเหมือนจะตัวเล็ก
หลังจากนั้นก็กลับมาที่ King’s Cross Station ซึ่งเปิดให้บริการแล้ววววว
แน่นอนว่าต้องวิ่งชนเข้ากำแพง เพื่อมาเจอชานชลาที่ 9 3/4 ด้วยนะ ใครอยากรู้ว่าวิ่งชนกำแพงยังไง
และหายตัวเข้ามายังไง ดู video ด้านล่างโลดดดค่ะ ของอย่างนี้พูดปากเปล่าไม่เห็น ต้องดูด้วยตาตัวเอง
ป้าย Hogwarts Express ที่ชานชลาที่ 9 3/4
Hogwarts Express มารับจาก Diagon Alley เพื่อไป Hogsmeade ค่ะ
ขอบอกว่ารถไฟเหมือนมากกกก เวลาจอดแล้วมีควันออกมานี่แบบใช่เลย จะเหมือนอะไรขนาดนี้
แถมขบวนใหญ่ด้วย จุคนได้เป็นร้อยๆเลย
เตรียมตัวขึ้น Hogwarts Express แล้ววว
มักเกิ้ลทั้งหลายเตรียมขึ้น Hogwarts Express กันใหญ่
เวลานั่งในรถไฟ ตรงกระจกทั้ง 2 ข้างจะมีโน่นนี่มาให้ดู ไม่ว่าจะเป็น Hagrid ขี่รถมอไซ
หรือ Fred & George ขี่ไม้กวาดมาโปรโมทร้าน Weasley’s Wizard Wheeze ที่ Diagon Alley
หรือจะประตูในโบกี้ที่นั่ง จะมีทั้ง Dementor หรือผู้เสพความตายมา ไหนจะ Ron, Harry
และ Hermione ที่เดินมาเป็นเงาๆ มีบทพูด คือทุกอย่างมันเป๊ะมากกกกกก เหมือนเราอยู่ในนั้นจริงๆ
มาถึง Hogsmeade แล้วววววว
ทั้งเมืองแต่งแบบในหนัง ตอนที่มีหิมะตกเต็มไปหมดเลย สวยมากกกกก
มาถึงพี่โต้เลยใจดีซื้อ Butterbeer ที่ใส่แก้วแบบนี้ให้ ราคาถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ $14.50
แต่สามารถนำไป Refill พวกเครื่องดื่มประเภทโซดา (โค้ก/สไปรท์ ฯลฯ) ได้ ในราคา $1
แต่สำหรับ Butterbeer ราคาปกติ คือ $4.50 พอได้กินในแก้วนี่รู้สึกว่าอร่อยขึ้นหลายเท่าตัว
มันเริ่ดจริงๆ งานมโนล้วนๆ
เตรียมตัวบุก Hogwarts แล้วววววว
พร้อมกับเตรียมลุยเครื่องเล่น Harry Potter and The Forbidden Journey
นี่มาแป้บเดียว ซื้อของเต็มไม้เต็มมือซะแล้ว ไหนๆมาทั้งที ก็เลยซื้อของที่ระลึกกลับ
ไปให้คุ้ม เพราะคงไม่ได้มาบ่อยๆ เนื่องจากแพงจริงๆ
คนเข้าคิวเยอะเหมือนกัน แต่รอจริงๆก็ไม่นาน ประมาณ 30 นาที
ถือว่าน้อยมากสำหรับสวนสนุกเมืองนอก เพราะส่วนมากรอกัน 1-3 ชั่วโมงทั้งนั้นกว่าจะได้
เล่นอะไรทีนึง ดังนั้นอันนี้เร็วจริงๆ
เข้ามาในตัวปราสาทก็จะมี Mirror of Erised หรือกระจกเงาแห่งแอริเซด
มาถึงห้องโถง ก็จะมีพวกรูปภาพต่างๆ ขอบอกว่ารูปภาพพวกนี้ขยับเข้าออก และพุดได้หมด
เหมือนในหนังเป๊ะ คือทำเก่งมากกกก ดูแบบเหมือนจริงจัง
มาเจอ Pensieve กันบ้าง หรือบ่อที่ดัมเบิลดอร์ใช้เก็บความทรงจำต่างๆไว้ หรือไว้ใช้ดูความทรงจำต่างๆ
แต่เสียดายของจริงไม่มีน้ำ มีแค่บ่อ
อ๊ะๆ จะขาดสิ่งนี้ไปได้ยังไงกับ Sorting Hat หรือหมวกคัดสรร ที่นักเรียน Hogwarts ทุกคน
ต้องเคยใส่มาก่อนจะโดนคัดสรรให้ไปอยู่บ้านต่างๆ หมวกนี่ขยับและพูดได้ด้วย ขึ้นๆลงๆ
(Credit : http://neogaf.com/forum/showthread.php?t=486841&page=3)
อันนี้ยืมรูปมาจากเว็บด้านบนนะคะ เพราะว่าไม่ได้ถ่ายของตัวเอง
เครื่องเล่นอันนี้จะมาบนสายพานเลื่อนๆ นั่งได้ 4 คน แล้วก็จะพาเราไปอีกห้อง เป็น 3D
(Credit : http://www.themeparkreview.com/forum/viewtopic.php?f=2&t=56278)
แอบเอารูปมาจากเว็บด้านบนอีกค่ะ เผื่อใครอยากเห็นว่าเป็นยับไง ตอนไฟเปิด
จะขึ้นไหมมั้ย เด็กเล็กๆได้รึเปล่า ปกติเวลาเล่นไฟจะปิดสนิทนะคะ แต่อันนี้ไปหารูปจำลองให้
ดูกัน จะได้นึกออก เครื่องเล่นอันนี้จะขึ้นๆลงๆหมุนๆแบบนี้ค่ะ ออนชอบอันนี้มากกก สนุกมากกกก
เล่นไป 5-6 รอบได้ในเวลา 3 วัน แอบเสียวนิดๆ เพราะฉาก และด้วยตัวเครื่อง
เอาเป็นว่าพี่โต้ที่ชอบเล่นพวกรถไฟเหาะตีลังกา เล่นอันนี้แล้วยังชอบ
httpv://www.youtube.com/watch?v=91jmC8eJ3o8
อันนี้แอบเอาลิ้งค์จาก Youtube มาให้ดูกัน ถ้าใครอยากดูก่อน
แต่ถ้าใครไม่อยากดูข้ามไปโลดเลยค่ะ ของจริงจะสวย และสนุกกว่าใน video มาก เพราะว่า
เป็น 3D มันไม่เหมือนกับเวลาที่กล้องถ่าย แต่เหมือนเราไปที่ๆนั้นจริงๆ
เล่นเสร็จแล้วก็ต้องกิน Butterbeer ต่ออีกซักแก้ว
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ใน The Wizarding World of Harry Potter กินแต่ Butterbeer
วันละประมาณ 3-4 แก้วได้ กลับมาคือเบาหวานกิน โรคอ้วนกำเริบทีเดียว Y_Y
Follow Me To Hogsmeade
กำลังจะเข้าปราสาท Hogwarts ละน้า
ทั้งใน Diagon Alley และ Hogsmeade จะมีน้ำฟักทองขายด้วย
มาเป็นขวดหน้าตาน่ารักแบบนี้ ถ้าใครชอบสะสม ก็ลองซื้อได้ค่ะ ออนไม่ได้ซื้อ เลยไม่แน่ใจราคา
น่าจะ $5-$6 โดยประมาณ
ด้วยความงก เลยไม่ซื้อน้ำฟักทองแบบขวดๆ แต่มาสั่งเป็นแก้วๆแบบนี้ใน Leaky Cauldron
หรือร้านหม้อใหญ่รั่วแทน เพราะว่าน้ำฟักทองที่มาเป็นแก้วธรรมดานี้ จะรวมอยู่ใน 1 Meal ของ
ออน ในส่วนเครื่องดื่ม สำหรับรสชาติ……มันปะแล่มๆจริงๆ หวานๆเปรี้ยวๆ รสชาติอธิบายไม่ถูก
ถ้าให้ซื้อคงเสียดายตัง เพราะไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ออกจะแปลกๆด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากอยู่ใน
Meal ที่ได้ ดังนั้นเลยคุ้ม เพราะอย่างน้อยก็ได้ลอง อารมณ์แบบมาแล้ว ต้องลอง
ลืมบอกว่าน้ำเปล่าในนี้ก็จะเขียนว่า Harry Potter ด้วยนะคะ ตามในรูปเลย
ลืมเอาบรรยากาศใน Leaky Cauldron ร้านหม้อใหญ่รั่วให้ดูกันค่ะ
ร้านใหญ่จุคนได้เยอะเลย เวลาสั่งอาหารเสร็จ จะมีพนักงานพามาที่โต๊ะ พร้อมกับเบอร์โต๊ะ
และซักพักจะมีพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้ค่ะ
อันนี้เป็นป้ายบอกทางไป Hogwarts กับ Hogsmeade
ส่วนข้างหลังเป็นรถไฟเหาะ Flight of The Hippogriff Ride ที่เราจะได้นั่ง Buckbeak เหาะไปมา
นั่นเอง อันนี้เป็นรถไฟเหาะที่ไม่สูงมาก ไม่ตีลังกา เด็กเล่นได้ ออนชอบมาก แต่คือมันเร็วมากกก
ระยะเวลาแค่ 1 นาทีเอง ยิ่งเห็นคนที่ต่อคิวทีละ 45 นาทีแบบไม่มี Fast Pass ยิ่งรู้สึกจะเป็นลมแทน
แต่ออนใช้ Fast Pass เดินเข้าไปก็เล่นได้เลย
รถไฟหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เดี๋ยวจะให้ดูวีดีโอตอนเล่นที่ออนอัดมาจากด้านล่างค่ะ
แวะมาร้าน Hog’s Head หรือร้านหัวหมูด้วยค่ะ
ร้านตั้งติดกับ Three Broomsticks ร้านไม้กวาดสามอันเลย ซึ่งร้านทั้ง 2 ร้านจะทะลุถึงกันได้
ร้านนี้จะขายพวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ค่ะ หรือใครจะสั่ง Butterbeer แบบธรรมดาก็ได้ค่ะ
ขอบอกว่าหัวหมูป่าจะขยับได้ด้วย ขึ้นๆลงๆซ้ายๆขวาๆ และพูดโน่นนี่ ระหว่างที่ไม่ได้พูด
เวลาที่เรานั่งในร้านก็จะได้เสียงหมูป่ะ ฮึ่ดๆตลอดเวลา พอจะนึกออกกันใช่มั้ยคะ คือได้บรรยากาศสุดๆ
บอกเลยว่าทริปนี้ถ้าไม่ซื้อ Express Pass จะเสียใจมากกกกกกก
(จริงๆอาจจะไม่ได้เรียกว่าซื้อ เพราะว่าจองโรงแรมที่ราคาแพง และเลยได้เป็นโบนัสมา แต่ถ้า
ออนงกตอนแรกและเอาโรงแรมอันถูกที่สุด ก็จะไม่ได้ Express Pass เพราะอย่างที่คำนวนให้ดู
ในตอนต้นว่าถ้าซื้อแยกแพงมากกกกกก โชคดีที่พี่โต้จัดเต็ม บอกว่าไหนๆมาแล้ว และไม่ได้
จะมาบ่อยๆ ก็เต็มที่ไปเลย พักดี เที่ยวดี กินดี มีความสุข ก่อนออนจะกลับไทยด้วย)
เห็นคนรู้จักบางคนเคยไปเที่ยวช่วง High-Season แล้วไม่ได้ซื้อ Express Pass เครื่องเล่น
ต้องรอ 1-3 ชั่วโมงขึ้นไป เรียกว่าแค่ยืนรอก็หมดเวลาไปแล้ว ไม่ได้ทำอะไร แต่พอออนมี
Express Pass วันๆนึง ออนไม่เคยรออะไรเกิน 30 นาที และทำให้ได้เล่นอะไรบ่อย มีเวลาเหลือ
อะไรที่ชอบก็เล่นซ้ำ บางอันเล่นซ้ำ 5-6 รอบ รู้สึกว่าอารมณ์ดี ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาคุ้ม
ไม่เสียเวลา
อ๊ะๆ มาดู Chocolate Frog กันดีกว่าาา
อันนี้ของจริงที่เหมือนในหนัง ไม่ใช่ Chocolate Frog อีกแบบนึงที่ขายตามร้าน
ขนมทั่วไปในเมืองนอกค่ะ Chocolate Frog อันนี้หาซื้อได้จากทั้ง 2 ร้านคือ
Honeydukes และ Weasley’s Wizard Wheeze
ร้าน Honeydukes ที่ขายขนมเยอะแยะ
สวรรค์ของเด็กๆ
เครื่องกดขนม ลูกอม
เด็กๆมากดกันใหญ่เลย
ไหนๆมาแล้ว แต่ไม่ซื้อขนม เพราะงก
เลยขอถ่ายกับขนมจาก Honeydukes เป็นที่ระลึกซักนิด
ที่นี่มีธนาคาร Gringotts เล็กๆด้านนอกที่เราใน Diagon Alley ที่เราสามารถเข้าไป
แลกเงินเป็นเงิน Wizarding Money นั่นเอง แลกได้ $10 กับ $25 ออนเลยแลกไป $10
ลืมบอกว่า.. Goblin ที่นั่งอยู่ตัวนั้น พูดได้ด้วยนะ ขยับไปๆมาๆ
และเราสามารถนำเงินนั้นมาใช้ซื้อของต่อได้ค่ะ แต่เวลาที่รับเงินทอนกลับมา
จะเป็นเงินดอลล่าห์ธรรมดา คราวนี้ออนมาซื้อ Gilly Water จะมีทั้งหมด 3 รส ซึ่งแต่ละอัน
จะเป็น Potion แบบคนละแบบ และรสก็จะแตกต่างกันออกไป
ออนเลือกรสนี้มาค่ะ Fire Protection Potion
เป็นรสเหมือนสตอเบอร์รี่ผสมแตงโม หวานๆเปรี้ยวๆ (ใครที่เคยกิน Vitamin Water
จะรสชาติแบบนั้นเลย) อร่อยนะ สดชื่นดี แต่แพงมากกกก โหดเกินนนนนน
ครั้งเดียวพอ ราคา $8 กว่าแหนะ นี่มันน้ำเปล่าผสมน้ำหวานชัดๆ ทำไมราคาโหดขนาดนี้
วิธีกินก็คือ..เท Potion ลงไปในน้ำเปล่า แล้วก็เขย่าๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็ดื่มได้เลยค่ะ
ลืมเอามาให้ดูว่าร้าน Florean Fortescue’s Ice-Cream Parlour ใน Diagon Alley
มีไอติมรส Butterbeer ด้วยนะ หน้าตาแบบในรูปเลย คือเหมือนวานิลลาผสมคาราเมล
หวานๆ หวานมากๆ กินแค่ครึ่งเดียวก็เล่นแล้ว ส่วนราคาไม่ทราบว่าเท่าไหร่
เพราะออนใช้สิทธิ์ Free meal ของออน เวลามาคนจะมาเข้าคิวซื้อเยอะเหมือนกัน
ส่วนใครไม่อยากกินรส Butterbeer เค้าก็มีรสอื่นทั่วๆไปให้เลือกค่ะ มีทั้งแบบโคน
และแบบถ้วย
วันสุดท้ายก่อนกลับ…ออนตัดสินใจยอมขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาครั้งแรกในชีวิต
กับ Dragon Challenge ตั้งอยู่ใน Hogsmeade คือออนเป็นคนกลัวความสูง
ในที่นี้หมายถึงสูงแบบกลางแจ้ง กลางอากาศ ที่โล่ง ที่ไม่มีอะไรครอบคลุม แต่ถ้า
พวกรถไฟเหาะในตึกใหญ่ๆอะไรแบบนี้ ไม่กลัว
พี่โต้ชอบเล่นพวกเครื่องเล่นหวาดเสียวอยู่แล้ว เพราะตอนวัยรุ่นพี่โต้ชอบไปเล่น
พวกรถไฟเหาะที่ตีลังกาน่ากลัวๆที่ Six Flags แต่ออนไม่เคย แต่ไหนๆมาละ ไม่รู้บ้าจี้
อะไรเลยยอมเล่น ซึ่ง Dragon Challenge จะมี 2 อัน อันสีฟ้ากับสีแดง
ซึ่งอันสีฟ้าจะช้ากว่า น่ากลัวน้อยกว่า ส่วนอันสีแดงจะเร็วกว่า น่ากลัวกว่าค่ะ
รูปนี้ถ่ายตอนที่ขึ้นไปแล้วลงมา ทำท่าแบบว่า “ชั้นชนะแกแล้ววววววว!!!”
รถไฟเหาะตีลังกาครั้งแรกในชีวิตที่ไม่คิดจะขึ้น แต่ก็ขึ้นแล้ว จะบ้าตาย ทำอะไรลงไป
(Credit : http://www.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g34515-
d252356-i79629272-Crowne_Plaza_Orlando_Universal-Orlando_Florida.html)
เอารูปจากเว็บด้านบนมาให้ดูกันค่ะ เนื่องจากไม่สามารถถ่ายเองได้ชัดๆ อันนี้จะเป็นแบบนั่งเก้าอี้
แล้วขาห้อยๆมา ซึ่งเวลารถไฟแล่นไป ขาเราก็จะห้อยไปกลางอากาศ
(Credit : http://collwrites.com/2011/01/12/my-trip-to-the-wizarding-world-of-harry-potter/)
เอารูปชัดๆมาให้ดูค่ะ ขาห้อยแบบนี้เลย มันหวิวๆใช้ได้เลย
ตอนขึ้นไปคือหลับตาปี๋ มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น รู้สึกอย่างเดียวว่ามันไปเร็วมาก ลมตีหน้าเยอะมาก
เวลาที่รถไฟเหาะกำลังแล่นไป มันจะหมุนแบบ twist เป็นเกลียวไปในตัวด้วย และเวลาที่ตีลังกา
ก็จะรู้สึกว่าหัวหนักๆ ตีลังกาทั้งหมด 2 รอบ ตอนนั้นคือหนักหัวสุด ได้แต่ภาวนาให้หมดรอบซะที
แต่พอลงมาถึงพื้น ตั้งสติซักพัก อยากเอาชนะความกลัวของตัวเองใหม่ ก็เลยขึ้นไปอีกรอบ
เป็นรอบที่ 2 ครั้งนี้แอบลืมตามานิดนึง แต่พอเห็นเท้าลอยจากพื้นเท่านั้น….เป็นลม
ขอตายดีกว่า เลยหลับตาสนิทต่อไป ฮ่าๆๆ ที่สำคัญทั้ง 2 รอบที่เล่นนี่กรี๊ดแบบไม่หยุด
ไม่รู้เก็บเสียงกรี๊ดมากจากไหน พี่โต้บอกว่า “เธอกรี๊ดเสียงดังเหมือนจะตาย”
เอิบบบบ ก็ในตอนนั้นมันคิดว่าจะตายจริงๆ ในใจนี่นโมตัสสะตลอดเวลา
ลืมบอกว่าใน Hogsmeade มี Hogwarts Express จำลองด้วยนะ
อยู่ทางเข้าเลย มาถ่ายรูปกันได้
ถ่ายหน้า Hogsmeade
วันสุดท้ายอยู่ Hogsmeade ถึงพระอาทิตย์ตกเลย เพราะเคยเห็นรูปว่าตอนค่ำๆ
ก่อนที่สวนสนุกจะปิด (ปิดสองทุ่ม) จะมีไฟและสวย เลยตัดสินใจรอ และก็สวยจริงๆ ดูแบบ
เหมือนหน้าหนาว อบอุ่น มีหิมะในตัว
ชัดๆอีกซักรูป ตอนที่ถ่ายคือทุ่มกว่าๆค่ะ ก่อนที่สวยสนุกจะปิดพักนึง
ปราสาท Hogwarts ตอนค่ำๆค่ะ
——————————————————————————–
ของที่ระลึกที่ซื้อมาทั้งหมด
– Interactive Wands อันละ $44.95 (+ tax)
– Harry Potter Poncho $8 (+ tax)
– Butterbeer Mug $14.50
– Coin Collection $40 (รึเปล่า? ไม่แน่ใจ..)
– Feather Pen $9.95 (+ tax)
– Hedwig ได้มาเป็น Souvenir ตอนที่ส่งมาที่บ้านก่อนป
– Gilly Water $8.95 (+ tax)
– Lanyards สายห้อยคอ ซื้อมา 3 อัน มี Gryffindor, Slytherin และ Marauder’s Map
อันละ $10.95 (+ tax)
– รูปจาก Jurassic Park ถ้าจำไม่ผิด $19.95 เป็นแบบคล้ายๆ Holographic 3D
– รูปจาก Harry Potter and The Forbidden Journey ถ้าจำไม่ผิด $24.95
– DVD ตัดต่อตัวเราเข้าไปใน video จำลองสถานการณ์ใน Harry Potter
เวลา 1 นาที ทั้งหมด 13 ฉาก ราคา $69.95 (+ tax)
อันนี้คือราคาของคร่าวๆที่ซื้อมา ราคาอาจจะคลาดเคลื่อนบางส่วนนะคะ
รูปถ่ายจาก Harry Potter and The Forbidden Journey นี่อย่างฮา
คือตรงจังหวะพอดีเป๊ะ ตอนนั้นเหมือนหลับตา และเอามือขึ้นมาจะปัดผมออกจากหน้า
เพราะมีลมอะไรไม่รู้เป่าหน้าแรงมาก มีละอองน้ำด้วย เลยจะปัดผมที่ปรกหน้าออก และสุดท้าย
ก็โป๊ะเช๊ะ แช๊ะ พอดี ตรงจังหวะสุดๆ เลยเอารูปนี้ ส่วนหน้าพี่โต้นี่นิ่งสนิท เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ฮ่าๆ
—————————————————————–
ห้องที่พักที่ Loews Royal Pacific Resort
เป็นห้อง Garden View ตรงหน้าต่างจะมองเห็นวิวสวน และสระว่ายน้ำของรีสอร์ท
ห้องน้ำลืมถ่ายมา..ห้องน้ำจะมี bathtub เล็กๆ และโถส้วมในตัว ด้านหน้าห้องน้ำจะมีที่ล้างหน้าค่ะ
ออนว่าดีนะ คนนึงอาบน้ำ อีกคนก็ล้างหน้า แต่งหน้าได้ แยกกัน ไม่ต้องเสียเวลา
อาหารเช้าที่โรงแรมจะเป็น Buffet ทานได้ถึง 11 โมง หัวละ $22
มีอาหารให้เลือกหลายอย่างเลย เช่น scramble egg, omelette, bacon, sausage, baked potatoes,
yogurt, cereal, salad bar ฯลฯ
อันนี้เป็น smoked salmon กับ baked garlic butter salmon
อร่อยใช้ได้ สดทีเดียวเชียว
Yogurt bowl กับ Granola และ Fresh fruits
ออนชอบกินอยู่แล้ว อยู่เมกาก็กินตลอด พอเจอของฟรีเลยรีบตัดใหญ่เลย
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือขนมปังปิ้งทาเนยนั่นเอง
อาหารที่ออนเติบโตมาด้วยตั้งแต่เด็ก ไม่กินไม่ได้
หน้าตาร้านอาหารค่ะ ออนมากินตอน 10.57
บุฟเฟ่ต์จะหมดพอดี คนเลยไม่มี นั่งสบายเลย
สระน้ำในโรงแรม ตอนแรกว่าจะเล่น แต่ก็มัวแต่เล่นในสวนสนุก
เลยถ่ายมาให้ดูอย่างเดียว สระใหญ่ มีทั้งโซนเด็กและผู้ใหญ่ ตอนกลางคืนมาเอาหนังมาฉายในจอให้
ดูระหว่างเล่นน้ำด้วย ชุดว่ายน้ำที่ซื้อใหม่เอาไปคราวนี้เลยอดใส่เลย T_T
เวลาจะกลับก็เดินมาที่ท่าเรือ และ Water Taxi ก็จะมารับกลับไปโรงแรมค่ะ
สายที่ห้อยคอไว้ ออนใส่ Fast Pass กับตั๋วเข้าสวนสนุก ทำให้ง่ายมากในการที่จะเล่นเครื่องเล่น
ไม่ต้องหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาสแกนอะไรให้วุ่นวาย เพราะทุกครั้งที่จะใช้ Fast Pass ในการ
เล่นเครื่องเล่นจะต้องมีการสแกนบัตร ดังนั้นห้อยคอไว้แบบนี้ทำให้ไม่ต้องหยิบเข้าหยิบออก
สะดวกจริงๆ ฝนตกก็ไม่กลัวบัตรเปียก
จบกันไปกับ 5 Days 4 Nights ที่ Universal Studios Florida และ
Islands of Adventure รวมถึง The Wizarding World of Harry Potter เป็นทริป
ที่ประทับใจมาก คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป โดยเฉพาะติ่ง Harry Potter อย่างออน
ที่ทั้งอ่านหนังสือ และดูหนังมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และพอได้มาสัมผัสประสบการณ์แบบนี้
มันยิ่งแบบเห้ยยยย ใช่อะ มันเจ๋ง มันเริ่ด มันเหมือนในหนัง เหมือนเราได้เข้าไปจริงๆ
เราเป็นหนึ่งในนั้น ไม่ใช่แค่คนนอก ไม่ใช่ทริปที่จะได้มาบ่อยๆ เพราะทั้งไกล ทั้งแพง
ดังนั้นไหนๆมาแล้ว ต้องจัดเต็ม ให้คุ้มค่ากับเวลาและเงินที่เสียมา
ทริปนี้คงไม่เกิดขึ้นจริงๆถ้าไม่มีพี่โต้ เพราะพี่โต้เป็นคนจองทุกอย่าง และเลือก
ที่พัก รวมถึง promotion ที่ดีที่สุดให้ (เพราะถ้าออนเลือกเอง คงเลือกถูกสุด เนื่องจากงก)
และดีใจที่พี่โต้เข้าใจ และพามา ทั้งๆที่พี่โต้ไม่ใช่ติ่ง Harry Potter มากมาย
น่ารักจริงงงงงงงงงงง มีแฟนที่ดีและเข้าใจเรา นี่มันมีชัยไปกว่าครึ่ง
———————————————————-
httpv://youtu.be/2efsIiRk-LI
มาดู video กันเลยค่ะ
อันนี้ออนเดินไปถ่ายไป ไม่ได้ตั้งกล้องอะไรจริงจัง ดังนั้นอาจจะสั่นๆเบลอๆไปบ้างนะคะ
เสียงอาจจะดัง ลดเสียงได้เลยค่ะ หวังว่าจะเห็นภาพกันนะคะ
———————————————————-
Q&A
1. อากาศที่ Florida เป็นยังไง?
Ans = อากาศที่นี่จะค่อนข้างคล้ายไทย คือร้อนชื้น แต่ชื้นมากกว่าไทยเยอะ
ความชื้นแบบ 95% ได้ ส่วนฝนก็ตกตลอด แต่จะไม่ได้ตกนาน ตกซู่เดียวแล้วจบ
ดังนั้นพกเสื้อกันฝนไปนะคะ หรือจะไปซื้อที่นั่นเป็นของที่ระลึกก็ได้
2. เดินทางไปข้างนอกสะดวกมั้ย?
Ans = ออนกับพี่โต้ออกไปทานอาหารเย็นข้างนอก 2 วัน การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ
ให้พนักงานที่โรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ หรือว่าจะเรียก Uber ก็ได้ค่ะ ออนใช้ Uber
ในการไปทานอาหารข้างนอก ปลอดภัย ไม่แพง สบายใจค่ะ มาเร็ว ไม่ต้องรอ
3. อาหารอะไรอร่อย?
Ans = จากที่ไป..ขอบอกเลยว่าอย่าสั่งซูชิเด็ดขาด เพราะจะผิดหวังมาก
ร้านส่วนมากเน้น rolls พวกปลาดิบที่เป็นคำ หรือ nigiri แทบไม่มี เหมือนคนแถว
นั้นกิน rolls ซะมากกว่า ถ้าคนกินซูชิแบบจริงจัง คงไม่ค่อยโอเค แต่อาหารพวก
steaks อะไรมีหลายร้านมากกกก มีพี่ที่รู้จักแนะนำให้ไปกับ Boston Lobster
เป็น Buffet หัวละ $40 (บางทีมีส่วนลดจากพวกคูปองต่างๆเหลือ $35 ก็มี)
คือกิน Lobster เป็นตัวๆแบบไม่อั้น และคนเยอะมาก
4. เมืองอันตรายรึเปล่า?
Ans = ที่ไปมา ออนว่าปลอดภัยกว่า New York เยอะมาก คือเมืองเงียบๆ
คนไม่เยอะ รถไม่ติด เดินทางง่าย ผู้คนโอเค ยังไม่เห็น homeless
ออนขอข้ามไม่เขียนเรื่อง Universal Studios กับ Islands of Adventure นะคะ
เพราะคิดว่าน่าจะมีรีวิวมาเยอะแล้ว ที่สำคัญคนยังไม่ค่อยรีวิว Diagon Alley เท่าไหร่
เพราะเปิดไม่นาน เลยมารีวิวรวบชีวิตมักเกิ้ลใน Diagon Alley กับ Hogsmeade
จากคนไทยในต่างแดน ก่อนเดินทางกลับไทยกลางตุลานี้ค่ะ
ปีหน้ามาเมกาใหม่ จะไป New York อีกรอบ และคิดว่าจะไป Hawaii ด้วย
เพราะจริงๆแพลนจะไป Hawaii แต่พอ Diagon Alley เปิด เลยเปลี่ยนใจทันที
ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ
ข้อมูลอะไรที่ผิดพลาดไป ต้องขออภัยด้วยค่ะ
เจอกันใหม่ค่า
สวัสดีค่ะ